เทรนด์อาหารมาแรงแห่งปี 2563


เมื่อเอ่ยถึงการดูแลสุขภาพในยุคนี้ นอกจากการออกกำลังกายแล้ว ผู้คนรอบโลกยังใส่ใจเรื่องอาหารการกินมากขึ้น BOT พระสยาม MAGAZINE ฉบับนี้จึงได้รวบรวมเทรนด์การเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มพฤติกรรมการบริโภคในอนาคต ซึ่งนอกจากอาหารเหล่านี้จะเน้นประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว ยังคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

 

Plant-Based Diet

 

หรือ การกินอาหารที่เน้นพืชเป็นหลัก (อย่างน้อยร้อยละ 95) ได้แก่ ผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืช และพืชตระกูลหัว เช่น มันฝรั่ง มันเทศและเผือก โดยไม่ผ่านการสกัด การขัดสี หรือการแปรรูปใด ๆ รวมถึงลดปริมาณการกินเนื้อสัตว์และอาหารแปรรูปให้น้อยลง อาหารสไตล์ plant-based ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคไม่ติดต่อ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง ซึ่งนอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้ว ยังดีต่อสิ่งแวดล้อมของโลกในระยะยาวด้วย เพราะในกระบวนการผลิตอาหารจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่า 10 เท่า เมื่อเทียบกับกระบวนการผลิตอาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์

 

 

Super Flours

 

“แป้งทางเลือก” ถือเป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบยอดนิยมในกลุ่มคนที่มีอาการแพ้กลูเตนหรือโรคที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งไม่สามารถบริโภคแป้งสาลีได้ โดยมีตัวเลือกที่จะมาทดแทน อาทิ แป้งที่ทำจากดอกกะหล่ำ (cauliflower flours) แป้งที่ทำจากถั่วลายเสือ (tiger nut flours) แป้งมะพร้าว (coconut flour) หรือในไทยก็สามารถหาซื้อ “แป้งกล้วยดิบ” (green banana flours) ซึ่งเป็นการแปรรูปให้กล้วยดิบที่มีรสฝาด แต่เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ กลายเป็นวัตถุดิบคู่ครัวที่เหมาะกับบ้านเรา เพราะปลูกได้ง่ายในเขตร้อน โดยสารอาหารในกล้วยดิบจะช่วยป้องกันการเกิดโรคกระเพาะและยับยั้งอาการท้องเสียได้อีกด้วย

 

 

Prebiotic

 

ในปีนี้ เทรนด์การบริโภคอาหารเพื่อส่งเสริมสุขภาพลำไส้และระบบการย่อยของมนุษย์ก็ยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่องจากกระแสความนิยมเครื่องดื่มประเภท probiotic ไม่ว่าจะเป็นน้ำชาหมัก (kombucha) โยเกิร์ต และนมเปรี้ยวชนิดต่าง ๆ สู่ prebiotics ซึ่งเป็นอาหารของจุลินทรีย์ probiotics ในลำไส้ของมนุษย์ ดังนั้นหากรับประทานอาหารที่มี prebiotics ก็จะช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตและการทำงานของ probiotics ทำให้ระบบลำไส้และการย่อยทำงานได้ดียิ่งขึ้น สารอาหารในกลุ่ม prebiotics พบมากในหัวหอม กระเทียม ถั่วเหลือง ถั่วแดง ไฟเบอร์ในผักและผลไม้ต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังมีในรูปแบบผงแป้ง หาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไปอีกด้วย

 

 

 

Fresh-Snacking Culture

 

ด้วยวิถีชีวิตที่เร่งรีบและวัฒนธรรมอาหารที่เน้นความสะดวกรวดเร็วมากกว่าสุขภาพ ทำให้มนุษย์ต้องเผชิญกับอันตรายของสารกันบูดที่เจือปนอยู่ในอาหารสำเร็จรูปและขนมขบเคี้ยว แต่ว่าเทรนด์การรับประทานของว่างที่สดใหม่ (fresh-snacking culture) กำลังมาแรงอย่างมาก ซึ่งแทบไม่ต่างจากอาหารสดที่ต้องแช่ตู้เย็นเพื่อรักษาความสดใหม่ เช่น โปรตีนบาร์แช่เย็น ซุปแช่แข็ง เครื่องดื่มสมูทตี้ และอาหารว่างเพื่อสุขภาพ ซึ่งในปี 2563 ผู้บริโภคน่าจะมีโอกาสได้เห็นทั้งแบรนด์เล็กและแบรนด์ใหญ่ทยอยเปิดตัวอาหารว่างสไตล์ fresh snacks เพื่อตอบรับการขยายตัวของเทรนด์นี้อย่างแน่นอน

 

No-Sugar Sweetness

 

วงการอาหารทั่วโลกต่างพยายามคิดค้นและหาทางเลือกใหม่ ๆ เพื่อพัฒนา “รสชาติความหวานแบบปราศจากน้ำตาล” เนื่องจาก “น้ำตาล” ถือเป็นตัวการทำร้ายสุขภาพของมนุษย์ โดยทางเลือกที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเทรนด์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่น น้ำเชื่อมที่สกัดจากผลไม้ สารสกัดจากหญ้าหวาน มันหวาน ทับทิม และอินทผลัม สามารถใช้ปรุงรสหวานลงในเมนูอาหาร ขนม และเครื่องดื่มได้อย่างถูกใจคนรักสุขภาพอีกด้วย

 

_______________________________________

ข้อมูลจาก: 
www.goodmorningamerica.com https://us.cnn.com www.bbc.co.uk

 

>> ดาวน์โหลด PDF Version

>> อ่าน e-Magazine