ก็อต จิรายุ ตันตระกูล

หัวใจ "นักคิด" กับชีวิตการเป็น "นักแสดง"

ถือเป็นอีกหนึ่งคนที่ประสบความสำเร็จในเส้นทางอาชีพนักแสดงเป็นอย่างมากกับการได้ร่วมงานภาพยนตร์ของค่ายหนังยักษ์ใหญ่อย่างฮอลลีวูดในปี 2559 และโด่งดังเป็นพลุแตกจากบทบาทของออกหลวงสรศักดิ์ ในละครเรื่องบุพเพสันนิวาส เมื่อปี 2561 วันนี้ BOT พระสยาม MAGAZINE จะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับตัวตนนอกจอของหนุ่มสุดฮอต คุณก็อต – จิรายุ ตันตระกูล การได้พูดคุยในช่วงเวลาสั้น ๆ ทำให้เห็นว่า นอกจากการเป็นนักแสดงมืออาชีพแล้ว เขายังเป็น "นักคิด" ที่มีมุมมองการใช้ชีวิตที่ชัดเจนผ่านการเข้าใจตัวเองอย่างลึกซึ้ง

 

เริ่มสำรวจสิ่งที่ไม่ดี แล้วทำ "ขั้วตรงข้าม" คุณก็อตเล่าย้อนกลับไปว่า เมื่อ 6 ปีก่อน เขาเป็นนักแสดงที่ไม่เข้าใจงานแสดงที่ตนเองทำ จนทำให้เกิดคำถามกับตัวเองว่า ทำอย่างไรถึงจะเข้าใจ จากนั้นเขาจึงเริ่มหันมาสำรวจตัวเองมากขึ้น เพื่อจะพัฒนาตนเองและสร้างผลงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

 

"กว่าจะเจอปัญหาหรือความต้องการของเราจริง ๆ มันเหมือนการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ที่เราไม่ได้ชำนาญตั้งแต่ครั้งแรกที่มาถึง ร้านอาหารเยอะมาก ตรอกซอกซอยเต็มไปหมด ต้องเรียนรู้ไปวันละนิด เพราะหากใจร้อน ค้นหาตัวเองเร็วเกินไป มันเหมือนการขับรถผ่านซอยไปเร็ว ๆ เราก็อาจไม่เห็นรายละเอียดและข้อบกพร่องของตนเอง การสำรวจตัวเองเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา เริ่มจากตั้งคำถามกับเรื่องใกล้ตัวง่าย ๆ อย่างการสำรวจว่านิสัยอะไรที่เป็นนิสัยที่บ่อนทำลาย เช่น นอนตื่นสาย ขี้เกียจจนเกินไป ไม่ศึกษาค้นคว้า เมื่อพบแล้วก็มองหา 'ขั้วตรงข้าม' ตรงข้ามกับตื่นสายก็คือตื่นเช้า ตรงข้ามกับขี้เกียจก็คือขยัน และสิ่งที่สำคัญกว่าการมองหาว่าจะพัฒนาอย่างไร คือต้องรู้ว่าจะพัฒนาจุดไหน แล้วจะพัฒนาไปทำไม เพราะถ้าเราขยันไม่ตรงจุด สิบปีก็ไม่เกิดการพัฒนาตนเอง"


สิ่งที่ได้เรียนรู้ ส่งผ่านถึงงานการแสดง

 

การสำรวจตัวเองและสิ่งต่าง ๆ อย่างละเอียดส่งผลถึงงานแสดงและบทบาทที่เขาได้รับ

 

"ในตัวเราเป็นธาตุดินน้ำลมไฟ ต้องเรียนรู้ว่าจังหวะไหนควรจะเป็นอะไร เช่น ตอนทำงานควรจะเป็นไฟ ตอนอยู่บ้านควรจะเป็นน้ำ บางจังหวะต้องพลิ้วไหว ต้องโอนอ่อน หรือต้องหนักแน่น พอเราเข้าใจธรรมชาติของตัวเอง เวลาเล่นเป็นตัวละครไหนก็จะแสดงได้เข้าถึงตัวละครนั้น ๆ อย่างในบุพเพสันนิวาส แม้จะมีคู่พระ-นางกระหนุงกระหนิง แต่เพราะประสบการณ์ตัวละครของหลวงสรศักดิ์ (พระเจ้าเสือ) เป็นคนจริงจัง ต้องวางแผน มีเกมการเมือง บุคลิกจึงขึงขัง ดุดัน ผมหาบุคลิกของตัวละครอยู่นานเพราะตัวจริงผมไม่ได้มีบุคลิกแบบนั้น โชคดีที่ไปเจอครูมวยคนหนึ่งที่บุคลิกเหมาะกับการเป็นพระเจ้าเสือมาก ทั้งวิธียืน วิธีเดิน วิธีมองที่ดูน่าเกรงขาม เราก็จดจำและนำมาปรับใช้ การแสดงสำหรับผมจึงเป็นเรื่องของศิลปะที่ประกอบด้วยร่างกาย ความคิด จินตนาการ และอารมณ์ในขณะนั้น ๆ ด้วย"

 

เลือกมโนความคิด เพื่อพาชีวิตเดินไปข้างหน้า

 

ใครจะรู้ว่าชีวิตนอกจอละครของก็อต จิรายุในวัย 31 ปี อีกด้านหนึ่งจะเพลิดเพลินกับการใช้เวลาอยู่กับตัวเอง เช่น ทำสมาธิ จดไดอารีและอ่านหนังสือ มากกว่าการเข้าสังคม เสพโซเชียลมีเดียหรือดูทีวีเหมือนคนหนุ่มทั่วไป

 

"ผมนั่งสมาธิทุกวันเพราะอยากทำให้ใจนิ่ง สมาธิสำหรับผมคือการจดจ่อ ซึ่งผลที่ตามมาคือความเข้าใจที่ลึกขึ้น จริง ๆ แล้วเราทำสมาธิกันตลอดเวลา ทั้งตอนขับรถ ทำงาน และอ่านบท แต่สมาธิกับเรื่องภายนอกไม่ทำให้เราเห็นตัวเอง ผมแนะนำให้ทำสมาธิกับตัวเอง ง่ายที่สุดคือกำหนดรู้ลมหายใจเพราะจะทำให้เห็นความคิดข้างใน แล้วเราจะเลือกความคิดได้"

 

คุณก็อตเน้นย้ำถึงความสำคัญของ "การเลือกมโนความคิด" ผ่านการยกตัวอย่างที่ทำให้เรามองเห็นภาพได้ "เหมือนกับการปลูกต้นไม้ คนที่ไม่เคยปลูกอาจจะมองว่ายาก กว่าจะหยอดเมล็ด ต้องรอให้มันแตกราก ใช้เวลาเป็นปี ๆ ในทางกลับกันชาวสวนชาวไร่อาจจะมองว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่ปัญหา เพราะธรรมชาติมันเป็นอยู่อย่างนั้น เป็นกระบวนการที่ค่อย ๆ เติบโต เพียงแต่เรามีความอยาก ความใจร้อน ยิ่งในยุคที่แข่งกันด้วยความไว ทำให้ทักษะการอดทนต่อสิ่งต่าง ๆ ของคนต่ำลง ดังนั้นจึงอยากให้เข้าใจว่าเรื่องมันเป็นอยู่อย่างนั้น ไม่มีอะไรเป็นปัญหา ปัญหาจริง ๆ เกิดจากการเลือกมโนความคิดเราเท่านั้นเอง"


ขอบคุณนะ...ขอบคุณนะ

 

อีกหนึ่งมุมมองที่สะท้อนความสุขแบบง่าย ๆ ตามสไตล์ก็อต จิรายุ นั่นคือการจดไดอารีประจำวัน "ผมตื่นตอนตีห้า นั่งสมาธิ เสร็จแล้วผมจะจดไดอารีทุกวัน ส่วนใหญ่จะเป็นการขอบคุณ ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ที่ทำให้เราได้เกิดมาในโลกใบนี้ ขอบคุณองค์ความรู้จากธรรมชาติ งานที่ทำ เพื่อนร่วมงาน เงินที่ใช้ และปัจจัย 4 ที่มีพร้อม มีคนเคยถามว่าทำไปทำไม ผมว่าการขอบคุณทำให้เรามีความสุขขึ้น ลองคิดตามว่าตอนนี้เรามีน้ำใช้ มีแอร์เย็น ๆ แต่ไม่เคยรู้สึกยินดีกับสิ่งที่มีในขณะที่คนอื่นอาจไม่มี เรารู้สึกว่าต้องมีต้องได้ต้องใช้เป็นปกติ ผมเชื่อว่าการขอบคุณเป็นส่วนหนึ่งทำให้ใจอ่อนโยนขึ้น เพราะเมื่อไหร่ที่เราเห็นคุณค่า คุณค่าของสิ่งนั้นก็จะสะท้อนกลับมาที่ตัวเรา วันนี้ลองให้มือขวาขอบคุณมือซ้ายดูบ้างก็ได้ 'ขอบคุณนะมือซ้ายที่ถือของให้เรามาทั้งชีวิต' แค่นี้ความยินดีเล็ก ๆ กับสิ่งที่เรามีก็เกิดขึ้นได้แล้ว"


เคล็ดลับการดูแลตัวเอง...เริ่มจากรักตัวเองให้มากพอ

 

เมื่อถามถึงเคล็ดลับในการเอาชนะความขี้เกียจและข้ออ้างต่าง ๆ โดยเฉพาะการเอาชนะตัวเองให้ลุกจากเตียงขึ้นมาออกกำลังกายเป็นประจำ นักแสดงหนุ่มยิ้มและเล่าย้อนให้ฟังถึงที่มาก่อนจะมีหุ่น fit & firm แบบนี้ว่า

 

"ตอนอายุ 20 ผมสูงแค่ 162 เซนติเมตรเท่านั้น ผมใช้เวลา 2 ปีเพื่อเพิ่มความสูง ตอนนั้นหมอหลายคนบอกว่าเป็นไปไม่ได้แต่ผมเชื่อว่าการที่ผมตัวเล็กมันต้องมีเหตุผล เพราะเวลานั้นผมไม่ทำอะไรเลย วัน ๆ อ่านการ์ตูน วาดรูป กินข้าวมื้อเดียว ฉะนั้นผมแค่ทำขั้วตรงข้าม คือกินมากขึ้น นอนมากขึ้น อะไรที่ว่าทำแล้วจะสูงผมทำหมด ผลลัพธ์คือความสูงของผมเพิ่มขึ้นเป็น 179 เซนติเมตร ซึ่งกว่าจะเข้าใจและทำได้แบบนั้นต้องอาศัยความรู้ด้านการแพทย์ เข้าใจสรีระกระดูกสันหลัง รู้โภชนาการ และทำต่อเนื่องเป็นปี ๆ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องลงมือทำ _"ที่ผ่านมา อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดของผมคือตัวเอง ความขี้เกียจออกกำลังกายนี่เป็นกันทุกคน ซึ่งถ้าเรารักตัวเองก็จะไม่รู้สึกว่าการออกกำลังกายเป็นภาระ การออกกำลังกายของผมทำแบบง่าย ๆ ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับบทบาทที่ได้รับตอนนั้น ซึ่งพอได้ทำแล้วมันรู้สึกดี มันภูมิใจเพราะรู้ว่าสิ่งที่ทำนี้เป็นเป็นประโยชน์กับตัวเอง"

 

สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ "เงิน"

 

ในโอกาสที่ได้มาเยือนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คุณก็อตจึงได้หยิบยกเคล็ดลับในการบริหารความสัมพันธ์ที่ดีกับเงินและขอบคุณเงินมากกว่าเดิมให้ฟังว่า

 

"เมื่อก่อนผมหาเงินได้มากพอสมควร แต่ไม่เหลือเงินสักบาท ผมเรียนรู้ว่าการบริหารเงินที่ผ่านมานั้นล้มเหลว ผมเคยรับจ่ายแบบบัญชีเดียว รับครั้งเดียวแล้วก็ใช้จ่าย เมื่อดูรายการบัญชีก็จะรู้สึกเสียเงินตลอดเวลา ทำให้ผมไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเงิน ผมจึงเริ่มแบ่งเงินที่ได้รับออกเป็น 6 บัญชี ได้แก่ บัญชีที่ 1 มีเงิน 40% สำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็น ค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นบัญชีเปิด คือมีเข้าออกตลอดเวลา บัญชีที่ 2 มีเงิน 20% เป็นบัญชีของการลงทุน เป็นบัญชีปิด คือไม่มีการถอนไปใช้จนกว่าจะมีแผนธุรกิจที่ชัดเจน ซึ่งทำให้เรามีความมั่นใจเพราะมีทุนที่เพิ่มขึ้นทุกเดือน บัญชีที่ 3 มีเงิน 20% คือบัญชีถลุง ใช้อะไรก็ได้ และมีกฎว่าต้องใช้ทุกเดือน เพื่อให้เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับเงิน เช่น พาคุณพ่อคุณแม่ไปกินข้าว บัญชีนี้จะทำให้เรามีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม บัญชีที่ 4 มีเงิน 10% คือบัญชีออมระยะยาว เป็นบัญชีปิดเหมือนกัน ผมเอาไว้ใช้ซื้อประกันหรือใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาลของตัวเองและครอบครัว บัญชีที่ 5 มีเงิน 5% เป็นบัญชีเกี่ยวกับการศึกษา สิ่งที่เราสนใจและทำให้เราเจริญขึ้น และบัญชีที่ 6 มีเงิน 5% สำหรับทำบุญ วิธีนี้ผมได้มาจากการอ่านหนังสือแล้วนำมาปรับใช้ แบ่งสัดส่วนตามความเหมาะสมของเรา"

 

ส่วนผสมของความสำเร็จ

 

คุณก็อตกล่าวทิ้งท้ายถึงส่วนผสมของความสำเร็จในฐานะนักแสดงว่า "เคยมีนักข่าวถามผมว่า เกี่ยวกันไหมว่าเก่งแล้วต้องโชคดีด้วย ผมก็ตอบว่า สมมุติปลูกส้มเมื่อ 5 ปีที่แล้วจนปีนี้ได้ผลส้ม ถามว่าผลส้มที่ได้เป็นเพราะโชคดีหรือเพราะผมตัดสินใจปลูก ขณะเดียวกันถ้า 5 ปีที่แล้วผมตัดสินใจปลูกส้มแต่หว่านเมล็ดลงบนพื้นปูน แล้ว 5 ปีต่อมาไม่มีผลส้ม ถามว่านั่นเป็นเพราะโชคร้ายหรือการตัดสินใจของตัวเองที่ผิดพลาด สำหรับผม โชคดีเกิดขึ้นตอนเราคิดเป็น ความเฮงเกิดขึ้นตอนเราสร้างโอกาสให้กับตัวเอง ถ้าอยากได้ผลส้มวันนี้เราต้องปลูก ถ้าอยากได้พฤติกรรมใหม่ วันนี้เราต้องปรับเปลี่ยนนิสัย การตัดสินใจเลือกทำและไม่เลือกทำสำคัญมาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นทักษะสำคัญที่ต้องใช้สติ คิด วิเคราะห์และเป็นหัวใจที่จะพาเราไปสู่ความสำเร็จ

 

"สำหรับผม การงานในวันนี้ขยายไปสู่คนจำนวนมากและหลากหลายอาชีพ อาชีพนักแสดงอาศัยแรงอุดหนุนจากคนดู จากผู้คนที่คอยสนับสนุน ผมอยากจะดำรงชีวิตให้เป็นประโยชน์กับคนอื่นด้วยไม่ใช่แค่ผมคนเดียว นั่นคือความสำเร็จ"

 

>> ดาวน์โหลด PDF Version

>> อ่าน e-Magazine