โจน จันได

ผู้ออกแบบอิสรภาพให้กับชีวิต


การใช้เวลามากกว่า 8 ชั่วโมงในแต่ละวันไปกับการทำงานหาเงิน อาจเป็นเรื่องปกติของใครหลายคน แต่คุณโจน จันได ชายผู้ยึดหลักการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย มองว่าเป็นการใช้ชีวิตที่ผิดปกติต่างหาก เพราะเมื่อย้อนไปดูประวัติศาสตร์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้ว มนุษย์ไม่เคยต้องทำงานหนักขนาดนี้มาเป็นเวลานับหลายพันปี

 

เขาตั้งคำถามต่อไปว่า คนเราจะกลับไปสู่การใช้ชีวิตที่ปกติได้ไหม? จึงพาตัวเองไปตั้งต้นใหม่ สร้างบ้านดิน และก่อร่างสวนพันพรรณที่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ในวันนี้เขากำลังมีความสุขกับกับการใช้ชีวิตอย่างพอเพียงที่พร้อมด้วยปัจจัย 4 รวมถึงได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวและได้ลงมือทำสิ่งที่อยากทำ นั่นคืออิสรภาพในการใช้ชีวิตที่เขาได้รับกลับคืนมา


ชีวิตที่มีความกลัวน้อยลง

 

"คนเราทุกวันนี้เหมือนหุ่นยนต์ ทำงานหนักเพื่อหาเงินมาซื้อน้ำมันเติมให้กับตัวเองเพื่อจะทำงานหนักต่อ วนเวียนอยู่แค่นี้ แต่ความรัก ความสุข และอิสรภาพหายไปจากชีวิตของคนส่วนมาก" คุณโจนให้ความเห็นเกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจในปัจจุบันที่มีเงินเป็นตัวตั้ง คนต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินให้ได้มากที่สุดและมีชีวิตอยู่ภายใต้ความกลัว

 

แล้วคนสมัยนี้กลัวอะไรบ้าง?

 

คุณโจนบอกว่า เราทุกคนถูกทำให้กลัวมาตั้งแต่เด็ก ถ้าไม่อ่านหนังสือจะไม่ได้เกรดที่ดี ไม่เรียนหนังสือจะไม่มีงานทำ และไม่มีงานทำก็จะมีชีวิตที่แย่ ความกลัวเรื่องเหล่านี้ทำให้คนเราต้องทำตามคำสั่งของระบบตลอดเวลา

 

"ระบบการศึกษาในปัจจุบันถูกออกแบบมาโดยระบบทุน และสิ่งที่ระบบทุนกลัวมากที่สุดคือการพึ่งพาตนเองได้ เมื่อคนพึ่งตัวเองไม่ได้ ก็เปรียบเสมือนการตัดรากของคนแล้วให้เติบโตมาโดยมีความสามารถอย่างเดียว ทำให้รู้สึกว่าชีวิตไม่มั่นคง แล้วใส่ชุดความคิดที่ว่า ถ้าต้องการความมั่นคงต้องมีเงิน ถ้าต้องการเงินก็ต้องทำงานให้มากขึ้น แต่ไม่มีข้อกำหนดว่าเมื่อไรจึงจะพอ เราจึงเสพติดการทำงานโดยไม่รู้จักคำว่าพัก และเอาความเสพติดนี้ไปยัดเยียดให้คนรุ่นหลังว่าจะต้องเป็นคนที่ productive"

 

คุณโจนจึงกลับไปเรียนรู้การช่วยเหลือตัวเองด้านปัจจัย 4 เริ่มปลูกผัก ทำอาหารกินเอง ทุกวันนี้เขาไม่จำเป็นต้องทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวันอีกต่อไป เขาใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงต่อวันในการดูแลสวนที่มีการออกแบบพื้นที่มาอย่างดีพอที่จะมีอาหารเลี้ยงคนทั้งครอบครัวได้ เขาสร้างที่อยู่อาศัยที่อบอุ่นด้วยดินและทำของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น สบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน หรือกระทั่งเครื่องปรุงอาหารใช้เอง

 

"การเรียนรู้ที่จะพึ่งตัวเองด้านปัจจัย 4 ให้ได้ เป็นสิ่งที่ทำให้ความกลัวในชีวิตของเราลดลงอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะเรารู้สึกมั่นคงเพราะปัจจัย 4 คือรากของชีวิต"


อิสรภาพภายใต้ระบบทุน

 

การเริ่มต้นสร้างรากของตัวเองสามารถทำได้โดยการทำความเข้าใจคุณค่าที่แท้จริงของสิ่งรอบตัว เขายกตัวอย่างยาสระผมที่ซื้อกันในราคากว่า 100 บาท ซึ่งต้นทุนไม่ถึงขนาดนั้น แต่เราจ่ายราคามากกว่านั้นไปสำหรับค่าขวด ค่าสติกเกอร์ หรือค่าการตลาดที่ไม่มีความจำเป็นต่อการใช้งาน การเปลี่ยนแปลงอาจเริ่มต้นจากการทำอะไรด้วยตนเอง เช่น กรองน้ำดื่ม ทำยาสระผม สบู่ น้ำยาล้างจาน ซอสถั่วเหลือง เต้าหู้ เต้าเจี้ยว โยเกิร์ต

 

"เราได้สนุกสนานกับความเข้าใจใหม่ ๆ ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ความเข้าใจคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความหมาย ทำให้เต็มและอิ่ม แต่ทุกวันนี้เราหาแต่ความจำ เราอ่านและฟังแต่ไม่ทำอะไร ฉะนั้นเราจึงมีแต่ความจำเต็มหัวสมองไปหมด เราจะต้องเปลี่ยนความจำมาเป็นความเข้าใจให้ได้โดยการลงมือทำ ก็จะเห็นภาพทั้งหมด และเข้าใจทั้งหมด

 

"อย่างเราอยู่กับดิน ทำงานกับดินมาสักพัก เคยปลูกผักมาก่อน เมื่อเห็นดินแล้วจะรู้เลยว่าใช้ปลูกอะไรได้ เพราะทำมาแล้วจนเกิดเป็นความเข้าใจ ในยุคนี้เราไม่ต้องการความจำมากเพราะมีอินเทอร์เน็ต มีคอมพิวเตอร์จำข้อมูลแทนเราแล้ว สิ่งที่เราต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือพื้นที่สำหรับจินตนาการ ต้องออกจากความกลัวให้ได้โดยการแสวงหาความเข้าใจมากขึ้น แล้วจะพบว่าชีวิตนี้ง่าย ชีวิตนี้สนุก"


สร้างสมดุลระหว่างชีวิตและเศรษฐกิจ

 

คุณโจนกำลังสร้างสมดุลระหว่างชีวิตกับเศรษฐกิจ เขามองว่าหากไม่มุ่งหวังความร่ำรวยแบบไร้ขอบเขต แล้วให้ความสำคัญกับชีวิตของตัวเองมากขึ้นก็จะสามารถสร้างความสมดุล มีสุขภาพกายและใจที่ดีขึ้น

 

"สิ่งสำคัญที่สุดบนโลกใบนี้ไม่ใช่ GDP ไม่ใช่ตัวเลขในบัญชีธนาคาร แต่เป็นกายกับใจของเรา หากเราเลือกเศรษฐกิจ ทุกคนต้องทำงานหนักเพื่อให้ GDP สูง หมายความว่าเรากำลังสูญเสียเวลาที่จะพักเวลาที่ได้อยู่กับครอบครัว ตอนนี้เศรษฐกิจจะทรุดลงเรื่อย ๆ เพราะว่าเศรษฐกิจจะโตได้ก็ต่อเมื่อมีทรัพยากรมาหล่อเลี้ยง แต่วันนี้เราใช้ทรัพยากรจนเกือบจะหมดโลกแล้ว ไม่มีทรัพยากรที่จะมาหล่อเลี้ยงอีกแล้ว"

 

เงินถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแลกเปลี่ยนมาอย่างยาวนาน แต่วันนี้คนกำลังใช้เงินนอกวัตถุประสงค์ เช่น ใช้เป็นอาวุธในการยึดครองผู้อื่น ใช้ปล้นทรัพยากรมาครอบครอง คนทำงานเพื่อย่อยทรัพยากรอันจำกัดให้เป็นเงิน แต่มีน้อยคนที่จะสร้างทรัพยากรเพิ่ม ในความคิดของคุณโจนยุคต่อไปจะเป็นยุค "คนนิยม" ที่มีพื้นฐานมาจากการพึ่งพาตนเอง

 

"เราต้องไม่อดอยากท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์ ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์มาก น้ำเยอะ ดินดี พืชพรรณอุดมสมบูรณ์ ถ้าเรากลับมาเริ่มที่แผ่นดิน เริ่มพัฒนาดินให้มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง เลิกใช้เคมี เลิกเผา เลิกขนใบไม้กิ่งไม้ออกแต่ขนเข้ามาใส่แทน ดินจะดีขึ้น จุลินทรีย์จะขยายตัว น้ำก็จะเริ่มสะอาดขึ้น ต้นไม้ก็จะโต มีร่มเงาแล้วก็จะเย็นขึ้น อาหารก็จะเพิ่มขึ้น มนุษย์ไม่ต้องกระเสือกกระสนมาก ไม่ต้องทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวัน เพราะธรรมชาติสร้างระบบมาให้เรามีอยู่มีกินอยู่แล้ว"

 

ใช้สตินำชีวิต

 

บ้านของคุณโจนเป็นส่วนหนึ่งของสวนพันพรรณ ในพื้นที่สวน 14 ไร่ แบ่งเป็นส่วนที่อยู่อาศัย ทำการเกษตรและเลี้ยงสัตว์แบบผสมผสาน และกลายเป็นศูนย์การเรียนรู้เพื่อการพึ่งตนเองและศูนย์เก็บเมล็ดพันธ์ุพื้นบ้าน นอกเหนือไปจากครอบครัวของคุณโจนแล้ว ยังมีชุมชนของกลุ่มคนที่มีความเชื่อแบบเดียวกันอาศัยอยู่ในพื้นที่ด้วย

 

"ที่พันพรรณเราเน้นการพึ่งตัวเอง อย่างน้อยคือเรื่องปัจจัย 4 เราสร้างบ้านเองโดยใช้วัสดุที่มีอยู่รอบตัว ทั้งดิน ฟาง หรือแม้แต่กรวด เราอยากจะบอกให้ทุกคนรู้ว่าที่อยู่อาศัยไม่ใช่ภาระ เราควรจะทำตัวให้เหมือนนกที่บินไปที่ไหนก็สามารถสร้างรังได้จากทุกสิ่งรอบตัวและสร้างได้สวยงาม เราควรจะพัฒนาไปสู่ความยั่งยืนเหมือนนก ฉะนั้นเราจึงเน้นทำสวน ปลูกผัก เก็บเมล็ดพันธุ์ แล้วก็ทำอาหาร และดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองได้ เจ็บป่วยเล็กน้อยก็ไม่ต้องไปหาหมอ ไม่ได้หมายความว่าเราปฏิเสธการแพทย์แผนปัจจุบัน แต่เราช่วยเหลือตัวเองก่อน ถ้าเกินความสามารถ เราค่อยไปหาการแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งตรงนี้ช่วยลดภาระ ลดค่าใช้จ่ายของตัวเองและหมออย่างมาก"

 

หลายคนอาจแย้งว่าไม่ใช่ทุกคนจะออกจากระบบไปใช้ชีวิตได้อย่างคุณโจน จันได ตัวเขาเองก็เห็นด้วยและมองว่าแค่ทุกคนทำสิ่งที่ตัวเองชอบก็จะไม่รู้สึกว่ากำลังทำงาน แต่เมื่อไรก็ตามที่ทำสิ่งที่ไม่ชอบเพียงเพื่อให้ได้เงินมาจะกลายเป็นงานที่ทำให้รู้สึกหนัก เครียด และเป็นทุกข์

 

"เราจะทุกข์ทำไม เราสามารถมีชีวิตง่าย ๆ ได้โดยการออกแบบชีวิตใหม่ ทำสิ่งที่ชอบ และสำคัญที่สุดคืออย่าให้อารมณ์นำชีวิต อารมณ์คือสิ่งที่ชอบหรือไม่ชอบ ทุกครั้งที่จะซื้อของให้ถามตัวเองว่าเพราะชอบหรือจำเป็น ถ้าซื้อเพราะชอบก็วางแล้วเดินหนี มันไม่ใช่ความสุขที่ยั่งยืน แต่เมื่อไรก็ตามที่จำเป็นเราก็ซื้อได้ นั่นคือสติ สติคือเหตุและผล ถ้าเราให้สตินำชีวิต ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ที่ไหน จะง่าย เบา และสงบราบรื่นเสมอ"

 

>> ดาวน์โหลด PDF Version
>> อ่าน e-Magazine