ชูใจ วีระ และธนาคารแห่งประเทศไทย

ร้านอาหาร

ชูใจเป็นเจ้าของร้านอาหารแบบ full service จำนวน 3 สาขาในห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพมหานคร ก่อนโควิด 19 จะระบาดในช่วงต้นปี 2563 แม้จะเริ่มธุรกิจด้วยวงเงินสินเชื่อกับธนาคารแห่งหนึ่งในวงเงินประมาณ 80 ล้านบาท แต่ก็มียอดหนี้คงเหลือเพียง 20 ล้านบาทเท่านั้น - ธุรกิจของชูใจกำลังไปได้ดี

       

แต่เมื่อโควิดระบาดรอบแรก ร้านอาหารของชูใจเปิดให้ลูกค้านั่งรับประทานอาหารในร้านไม่ได้ตามมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศทำให้รายได้สะดุดทันที ในขณะที่ยังมีค่าใช้จ่ายที่ยังเป็นภาระ เช่น ค่าเช่าที่ และค่าจ้างพนักงาน แม้เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลงและร้านของชูใจกลับมาเปิดได้อีกครั้งหลังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ แต่ลูกค้าไม่ได้กลับมาใช้บริการเหมือนเดิมเพราะหลายคนยังคงกังวลต่อการแพร่ระบาด และภาครัฐยังจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ ชูใจพบว่ารายได้หลังจากกลับมาเปิดรอบใหม่ลดลงเหลือเพียง 40% จากยอดขายเดิมเท่านั้น

 

เรื่องราวของชูใจไม่ต่างจากผู้ประกอบการร้านอาหารคนอื่น ๆ ในประเทศไทยมากนัก

 

 ส่วนวีระเป็นเจ้าของโรงแรมขนาด 120 ห้องที่จังหวัดภูเก็ต ก่อนโควิด 19 โรงแรมของวีระกำลังไปได้ดี มีลูกค้าเข้าพักเฉลี่ยทั้งปีประมาณ 70% และเป็นลูกค้าชาวต่างชาติมากกว่า 50% วีระเพิ่งปรับปรุงโรงแรมได้ไม่นาน โดยกู้เงินไปประมาณ 400 ล้านบาท และมียอดหนี้คงเหลือประมาณ 300 ล้านบาท โดยปกติวีระมีภาระต้องผ่อนชำระราว 6 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งไม่ได้เป็นปัญหาจนกระทั่งโควิด 19 ระบาดทำให้ต้องปิดโรงแรมชั่วคราวนานถึง 3 เดือนตามมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ภายหลังการผ่อนคลายมาตรการแม้โรงแรมของวีระจะกลับมาเปิดได้อีกครั้ง แต่จำนวนผู้เข้าพักก็เหลือเพียงแค่ 20% เท่านั้น เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติหายไป

 

ในทำนองเดียวกัน เรื่องราวของวีระก็ไม่ต่างจากผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวคนอื่น ๆ มากนัก 

 

ที่สุดแล้ว เรื่องราวของชูใจและวีระถือเป็นบทสะท้อนของความเดือดร้อนที่ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศไทยต้องเผชิญในช่วงที่ผ่านมา

 

 

ร้านอาหาร

ย้อนกลับไปเมื่อต้นปี 2563 คงไม่มีใครคาดคิดว่าสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 จะกลายเป็นวิกฤตสาธารณสุขระดับโลก ที่ไม่เพียงคร่าชีวิตผู้คนไปมากมายแต่ยังส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจด้วย ยิ่งสถานการณ์ยืดเยื้อและมีความไม่แน่นอนสูงผลซ้ำเติมเศรษฐกิจก็ยิ่งรุนแรง โดยหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางในภาคบริการและภาคท่องเที่ยวอย่างชูใจและวีระนั่นเอง 

 

ข้อมูลของสำนักส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) พบว่า ประเทศไทยมีธุรกิจ SMEs รวมกว่า 3 ล้านราย ซึ่งมีการจ้างงานกว่า 12 ล้านคน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวมีสัดส่วนการจ้างงานสูงถึง 20% ของการจ้างงานทั้งหมด ดังนั้นความยากลำบากของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางจึงหมายถึงความยากลำบากของเศรษฐกิจไทยในภาพรวมด้วย

 

ในสถานการณ์เช่นนี้ หลายคนอาจสงสัยว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะหน่วยงานหลักที่ทำหน้าที่ดูแลระบบการเงินและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศจะสามารถทำอะไรได้บ้าง

 

ทำขนม

ในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากเช่นนี้ สิ่งที่ผู้ประกอบการอย่างชูใจและวีระต้องการมากที่สุดคือสภาพคล่องและการบรรเทาภาระหนี้สินเดิม เพื่อประคับประคองกิจการและรอโอกาสที่จะฟื้นฟูธุรกิจให้อยู่รอดในช่วงวิกฤตนี้ สำหรับประเทศไทยการอยู่รอดของธุรกิจ SMEs เหล่านี้เท่ากับช่วยพยุงการจ้างงานและลดผลกระทบของวิกฤตโควิด 19 ต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว 

 

ตั้งแต่วิกฤตโควิด 19 เริ่มขึ้นในช่วงต้นปี 2563 ธปท. เร่งออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ทุกกลุ่ม โดยครอบคลุมทั้งการแก้ไขปัญหาหนี้เดิมและการเสริมสภาพคล่องเพื่อเติมเงินใหม่ให้แก่ภาคธุรกิจ ในช่วงต้น ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกต่างก็คาดการณ์ว่า การระบาดน่าจะเป็นเรื่องชั่วคราวและสามารถเอาชนะได้ด้วยการล็อกดาวน์อย่างเข้มข้น มาตรการในระยะแรกจึงเป็นมาตรการแบบปูพรมช่วยเหลือเป็นวงกว้างเพื่อตอบโจทย์กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชะงักงันเป็นการเฉพาะสำหรับ SMEs มีมาตรการชะลอการชำระหนี้ให้ SMEs ที่มีวงเงินสินเชื่อต่ำกว่า 100 ล้านบาททุกรายเป็นเวลา 6 เดือน ในส่วนลูกหนี้รายย่อยก็มีมาตรการขั้นต่ำแบบปูพรมให้กับลูกหนี้เช่นกัน เช่น กรณีสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยวงเงินต่ำกว่า 3 ล้านบาท จะมีการเลื่อนการชำระหนี้ 3 เดือน 

 

สำหรับการเสริมสภาพคล่องโดยการเติมเงินใหม่ให้แก่ภาคธุรกิจ ธปท. โดยความร่วมมือกับกระทรวงการคลังได้ออก พ.ร.ก. ซอฟต์โลนในช่วงเดือนเมษายน 2563 ซึ่งการออกแบบมาตรการในครั้งนั้นมองว่าสถานการณ์จะรุนแรงแต่ไม่ยืดเยื้อ ทำให้รูปแบบของมาตรการไม่เพียงพอรองรับสถานการณ์ที่ยาวนานกว่าที่คาด ต่อมาเมื่อสถานการณ์เปลี่ยน ธปท. ก็จำเป็นต้องปรับมาตรการให้สอดคล้องเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ยืดเยื้อ โดย ธปท. ได้ปรับเปลี่ยนจากความช่วยเหลือแบบปูพรมมาเป็นการให้ความช่วยเหลือเชิงรุกและตรงจุดเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกหนี้แต่ละราย (targeted) มากขึ้น รวมถึงเน้นให้สถาบันการเงินช่วยเหลือโดยการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้ 

 

นอกจากนี้ ภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ธปท. ได้ประกาศมาตรการฟื้นฟูรอบใหม่วงเงิน 350,000 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย 2 ส่วน ส่วนแรกคือมาตรการ "สินเชื่อฟื้นฟู" วงเงิน 250,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการให้สินเชื่อใหม่เพื่อเสริมสภาพคล่องและฟื้นฟูกิจการ และส่วนที่สองคือมาตรการ "พักทรัพย์ พักหนี้" วงเงิน 100,000 ล้านบาท เพื่อบรรเทาภาระหนี้เดิมของธุรกิจที่ได้รับผลกระทบรุนแรงและยืดเยื้อทำให้ต้องใช้เวลานานกว่ากลุ่มอื่นในการฟื้นตัว

 

มาตรการฟื้นฟูฯ

การออกแบบมาตรการฟื้นฟูเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของภาคธุรกิจภายใต้สถานการณ์ความไม่แน่นอนสูง เป็นงานยาก มีความซับซ้อนสูง และส่งผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายฝ่าย ลำพัง ธปท. ย่อมไม่สามารถผลักดันมาตรการเช่นนี้ได้ 

 

ในกระบวนการจัดทำมาตรการ ธปท. ได้ประสานความร่วมมือ รับฟังความคิดเห็น และหารือกับผู้เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ทั้งในส่วนของลูกหนี้ผ่านสมาคมต่าง ๆ เช่น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมโรงแรมไทย และส่วนของเจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงินที่เข้าร่วมมาตรการ ตลอดจนหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องที่จะมีส่วนช่วยสนับสนุนมาตรการ โดยยึดผลประโยชน์สาธารณะเป็นเป้าหมายสำคัญร่วมกัน 

 

แม้แต่ฝ่ายงานใน ธปท. เอง ก็ต้องมีการปรับวิธีการทำงานขนานใหญ่ โดยมีการระดมความคิดเห็นและประสานความร่วมมือจากหลายฝ่ายงาน อาทิ สายงานด้านเสถียรภาพ สถาบันการเงิน นโยบายการเงิน กฎหมาย สื่อสาร และไอที ผ่านการทำงานเป็นกลุ่มแบบข้ามสายงานที่เรียกว่า squad ทั้งนี้ เพื่อให้มั่นใจว่า ธปท. จะใช้จุดแข็งในด้านความรู้และความเชี่ยวชาญของแต่ละคนให้ได้อย่างเต็มศักยภาพมากที่สุด และนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาจะมีประสิทธิภาพและมีความรัดกุม

 

มาตรการฟื้นฟูฯ

 

แม้การออกแบบมาตรการเป็นงานยาก แต่การผลักดันให้มาตรการสัมฤทธิ์ผลตามที่ตั้งใจเป็นงานที่ยากยิ่งกว่า ธปท. ตระหนักดีว่าการช่วยเหลือลูกหนี้และผู้ประกอบธุรกิจไม่ได้จบลงแค่การบังคับใช้กฎหมาย (ปัจจุบัน พ.ร.ก. ฟื้นฟูฯ มีผลบังคับใช้และผ่านการพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฎรแล้วเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2564) แต่อยู่ที่การติดตามและประเมินผลการดำเนินมาตรการอย่างใกล้ชิด โดย ธปท. ยังต้องทำงานร่วมกับสถาบันการเงินซึ่งเป็นตัวกลางที่จะส่งผ่านความช่วยเหลือนี้อย่างต่อเนื่อง 

 

ที่สำคัญที่สุดคือ หากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ธปท. ก็พร้อมที่จะเปลี่ยนเงื่อนไขหรือดำเนินมาตรการเพื่อช่วยเหลือได้ทันที ซึ่งในกรณีที่จำเป็น มาตรการที่ออกแบบมานี้มีความยืดหยุ่นให้ ธปท. สามารถปรับปรุงมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมได้ในระดับประกาศ ธปท. โดยไม่ต้องแก้ไข พ.ร.ก.

 

การประชุม

 

ธปท. เชื่อมั่นว่ามาตรการฟื้นฟูนี้จะเป็นกลไกหนึ่งที่จะร่วมกับมาตรการทางการเงินและการคลังอื่นที่จะช่วยให้คุณชูใจ คุณวีระ และผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางส่วนใหญ่ของประเทศสามารถประคับประคองธุรกิจต่อไปได้ เพื่อที่ว่าเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 คลี่คลายลงธุรกิจการจ้างงานและเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวกลับมาได้อย่างเร็วที่สุด

 

1 ร้านอาหารแบบ full service หมายถึง ร้านที่มีพนักงานให้บริการทุกขั้นตอน ตั้งแต่การต้อนรับลูกค้า การเสิร์ฟอาหารและการชำระเงิน 

2 ข้อมูลจากการสำรวจภาวะธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 ณ ก.พ. 2564 โดย ธปท. 

3 ค่าเฉลี่ยอัตราการเข้าพัก (occupancy rate) ของโรงแรมในภาคใต้ปี 2562 

4 ภาระหนี้เฉลี่ยจากการสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม ณ เม.ย. 2564 โดย ธปท. 

5 ค่าเฉลี่ยอัตราการเข้าพัก (occupancy rate) ของโรงแรมในภาคใต้ปี 2563