บทสรุปผู้บริหาร (executive summary)
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change) เป็นปัญหาและภัยคุกคามสำคัญที่หลายประเทศให้ความสนใจเนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจการเงินของประเทศทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะธนาคารกลางที่มีพันธกิจในการดูแลเสถียรภาพทางการเงิน เสถียรภาพระบบสถาบันการเงินและเสถียรภาพระบบการชำระเงิน ตระหนักยิ่งถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นดังกล่าว จึงมีนโยบายและมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) รวมถึงการชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อมุ่งสู่องค์กรที่เป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) ในการดำเนินกิจการของ ธปท. (internal operations) จากการผลิตและบริหารจัดการธนบัตร การบริหารเงินสำรองทางการ การบริหารจัดการภายในของ ธปท. ควบคู่ไปกับการสร้างความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมและปรับพฤติกรรมของพนักงาน ตลอดจนผลักดันและสนับสนุนให้สถาบันการเงินและภาคธุรกิจให้ความสำคัญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อเป้าหมายให้ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำ
รายงานฉบับนี้เป็นการเปิดเผยข้อมูลการดำเนินการของ ธปท. ในบทบาทต่าง ๆ ดังกล่าวเพื่อรับมือกับความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติของ Task Force on Climate-related Financial Disclosures (TCFD) โดยแบ่งเป็น 4 หัวข้อ ได้ดังนี้
1. การกำกับดูแล (governance)
ธปท. มีโครงสร้างการกำกับดูแลนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมทั้งบทบาทตามพันธกิจและการดำเนินกิจการ ในส่วนของพันธกิจ มีคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) ประกอบด้วยผู้บริหารของ ธปท. และกรรมการจากภายนอก ทำหน้าที่กำหนดนโยบายเกี่ยวกับการกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงิน และวางแนวทางการพัฒนาภูมิทัศน์ภาคการเงินไทยซึ่งรวมถึงดูแลภาพรวมให้ระบบการเงินของไทยสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของภาคธุรกิจไปสู่่การเติบโตอย่างยั่งยืน ในส่วนของการดำเนินกิจการ มีคณะกรรมการ ธปท. ประกอบด้วยผู้บริหารของ ธปท. และกรรมการจากภายนอก ทำหน้าที่ควบคุมดูแลโดยทั่วไปซึ่งกิจการและการดำเนินการของ ธปท. รวมถึงการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม โดยมีคณะกรรมการธรรมาภิบาล (CGC) พิจารณากลั่นกรองแผนงานสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมในภาพรวมของ ธปท. และคณะกรรมการบริหารจัดการ (คบจ.) กำหนดทิศทางภาพรวมการดำเนินงานภายในให้มีความเชื่อมโยงกันโดยได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อความยั่งยืน (คณะทำงาน ESG) เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานดังกล่าว
2. กลยุทธ์ (strategy)
ธปท. สนับสนุนและผลักดันให้สถาบันการเงินรวมถึงภาคธุรกิจตระหนักถึงความสำคัญของความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ให้สามารถบริหารจัดการความเสี่ยงและปรับตัวในช่วงการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมต่อไปได้ ในขณะเดียวกันยังส่งเสริมการจัดสรรเงินทุน ตลอดจนพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินให้แก่ธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น (transition finance)
นอกจากนี้ ธปท. ยังคงมีบทบาทและส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินกิจการของ ธปท. ดังต่อไปนี้
(1) การผลิตและบริหารจัดการธนบัตร โดยร่วมผลักดันผ่านการเลือกใช้วัสดุและเพิ่มสัดส่วนการผลิตธนบัตรประเภทโพลิเมอร์สำหรับบางชนิดราคา ซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเนื่องจากมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าประเภทกระดาษ ตลอดจนการปรับเปลี่ยนกระบวนการบริหารจัดการธนบัตรไปสู่รูปแบบของศูนย์เงินสดกลาง (Consolidated Cash Center: CCC) ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานจากการลดการทำงานที่ซ้ำซ้อนในการนับคัดธนบัตรและการขนส่งธนบัตรระหว่างศูนย์จัดการธนบัตรของ ธปท. กับศูนย์เงินสดของธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น
(2) การบริหารจัดการภายในองค์กร โดยเพิ่มสัดส่วนของการใช้พลังงานหมุนเวียน และปรับปรุงระบบวิศวกรรมอาคารสถานที่ที่เอื้อต่อการประหยัดพลังงาน ตลอดจนทยอยเพิ่มจำนวนการใช้รถยนต์ประเภท hybrid ทดแทนรถยนต์ประเภทสันดาปที่ครบอายุการใช้งาน เป็นต้น ทั้งนี้ มาตรการต่าง ๆ จะดำเนินการไปพร้อมกับการสร้างความตระหนักและปรับพฤติกรรมของพนักงานในเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วย (green mindset) โดยเฉพาะการบริหารจัดการคัดแยกขยะภายใน ธปท. ให้ถูกวิธี และลดปริมาณขยะเหลือใช้ เป็นต้น
(3) การบริหารเงินสำรองทางการ ที่มีการผนวกปัจจัยเรื่องความยั่งยืนเป็นส่วนหนึ่งของกรอบการบริหารการลงทุนภายใต้เกณฑ์การบริหารความเสี่ยงของ ธปท. พร้อมกับการสร้าง ESG awareness ทั้งกับคู่ค้าและผู้จัดการกองทุนภายนอกอย่างต่อเนื่อง
3. การบริหารจัดการความเสี่ยง (risk management)
ธปท. มีกระบวนการติดตามและบริหารจัดการความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate related risk) ต่อความต่อเนื่องในการดำเนินกิจการภายใน (internal operations) โดยจัดให้มีระบบการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Management System: BCMS) ตามมาตรฐาน ISO 22301 รวมถึงจัดทำแผนฉุกเฉินและความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCP) สำหรับเตรียมความพร้อมรับมือกับความเสี่ยงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ อาทิ อุทกภัย ที่อาจเกิดขึ้นกับพื้นที่สำนักงานต่าง ๆ รวมทั้งให้ความสำคัญกับการติดตามและปฏิบัติให้สอดคล้องกับกฎหมายเกี่ยวกับพลังงานและสิ่งแวดล้อม เช่น ร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น
ในขณะเดียวกัน ธปท. ได้คำนึงถึงความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อการบริหารเงินสำรองทางการ (financial operations) โดยจัดทำ (1) ESG internal report เพื่อประเมินระดับของ climate risk ของเงินสำรองทางการ (2) การพัฒนา Climate Risk Warning Tool ซึ่งพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมเชิงลึกโดยอาศัยเครื่องมือและข้อมูล ESG rating จากผู้ให้บริการภายนอกในการช่วยประเมินผลกระทบต่อโครงสร้างเศรษฐกิจในแต่ละประเทศ (3) Climate Scenario Test โดยประเมิน Climate Value-at-Risk ของเงินสำรองทางการภายใต้สถานการณ์ที่สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงหรือมีการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำในลักษณะต่าง ๆ รวมถึงสถานการณ์ที่สอดคล้องกับคำแนะนำโดย Network of Central Banks and Supervisors for Greening the Financial System (NGFS) เป็นต้น
4. ตัวชี้วัดและเป้าหมาย (metrics and targets)
ธปท. ได้จัดทำตัวชี้วัดการดำเนินงานของ ธปท. เพื่อติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของนโยบายและมาตรการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขอบเขตที่ 1-2 (Scope 1-2) ซึ่งมีการสอบทานและได้รับการรับรองผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) เป็นประจำทุกปีโดยที่ ธปท. ได้ตั้งเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก Scope 1-2 สำหรับสำนักงานใหญ่และสำนักงานภาค1และสำนักงานที่ดูแลการผลิตและบริหารจัดการธนบัตร2 ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 30 ภายในปี 2573 เทียบกับปี 2560 และเทียบกับปี 2561 ตามลำดับ โดยปี 2567 ธปท. สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ร้อยละ 25 และร้อยละ 10 ตามลำดับเมื่อเทียบกับปีฐาน
ทั้งนี้ ปัจจุบัน ธปท. ยังไม่ได้ตั้งเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตธนบัตรเนื่องจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการนี้จะขึ้นอยู่กับความต้องการปริมาณเงินสดของระบบเศรษฐกิจซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของ ธปท. อย่างไรก็ดี การปรับเปลี่ยนประเภทวัสดุในการผลิตธนบัตรและกระบวนการบริหารจัดการธนบัตรอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการเพิ่มขึ้นของปริมาณธุรกรรมการชำระเงินในรูปแบบดิจิทัลจะมีส่วนสำคัญในการลดปริมาณการผลิตธนบัตร ซึ่งจะส่งผลต่อการลดก๊าซเรือนกระจกลงได้ในระยะต่อไป