“สอนหนู…รู้เรื่องเงิน”
เปลี่ยนบอร์ดเกมให้เป็นห้องเรียนการเงินแสนสนุก
การมี “ความรู้ทางการเงิน” เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นสำหรับทุกคน โดยควรเริ่มปลูกฝังตั้งแต่วัยเด็ก สิ่งที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ “แบงก์ชาติ” ให้ความสำคัญคือการให้ความรู้และการสร้างพื้นฐานด้านการเงินให้กับทุกคนและทุกช่วงวัย โดยทำผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งเชิงวิชาการและกิจกรรมเวิร์กช็อป หนึ่งในนั้นคือ โครงการ “การเงินนอกห้องเรียน” ที่ออกแบบมาให้เป็นการเรียนรู้ที่เหมาะกับช่วงวัยเรียน ซึ่งช่วงวัยเรียนก็มีหลากหลายอายุ โครงการนี้จึงมีกิจกรรมย่อยอีกมากมาย เพื่อให้เหมาะสมกับช่วงอายุของเด็ก ๆ ด้วย
บทความนี้ จะพาทุกท่านไปรู้จักกิจกรรมย่อยแสนสนุกที่มาพร้อมความรู้อย่างกิจกรรม “สอนหนูรู้เรื่องเงิน” ที่ออกแบบมาเพื่อเด็ก ๆ ประถมปลายอายุ 10-12 ปี โดยจะได้เรียนรู้ทักษะทางการเงินพื้นฐานผ่านเวิร์กช็อปสนุก ๆ ที่ให้ลงมือทำจริง เรียนรู้จริง และได้เข้าใจเรื่องเงินแบบเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อให้เด็ก ๆ สามารถใช้เงินได้อย่างเหมาะสม และต่อยอดไปสู่พฤติกรรมการเงินที่ดีในทุกช่วงวัยของชีวิต
ก่อนอื่นขอลบภาพจำเดิม ๆ เกี่ยวกับห้องเรียนของทุกท่านออกไป เพราะห้องเรียน “สอนหนูรู้เรื่องเงิน” ของเราไม่เหมือนห้องเรียนที่ทุกท่านเคยเห็นมาก่อน ที่นี่เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้เรื่องเงินผ่าน “การเล่นเกม” กิจกรรมนี้ใช้บอร์ดเกมการเงิน “Wealthy Cats” จาก H Academy วิสาหกิจเพื่อสังคมที่มุ่งสร้างความยั่งยืน ที่แบงก์ชาติได้ร่วมงานด้วย เพื่อสนับสนุนให้การเรียนรู้เรื่องเงินเป็นเรื่องง่าย เข้าถึงได้ และสนุกมากกว่าที่คิด พร้อมมีวิทยากรคอยแนะนำความรู้ทางการเงิน ทั้งก่อนเริ่มเกมและระหว่างเล่นเกม ทำให้เด็ก ๆ ได้รับความรู้ เข้าใจแนวคิดสำคัญแบบไม่รู้สึกว่ากำลังถูกสอนอยู่ในห้องเรียน
คุณธงชัย จิรัฐิติพันธุ์ หรือคุณเบิร์ด ผู้ออกแบบบอร์ดเกม Wealthy Cats ได้นำแรงบันดาลใจจากการพูดคุยกับคนหลากหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร ครู และชาวนา ที่ไม่มีโอกาสในการเรียนรู้เรื่องเงินตั้งแต่เด็ก ๆ จึงเกิดเป็นแนวคิดที่อยากจะใช้ความรู้ทางทฤษฎีของตัวเองมาพัฒนาบอร์ดเกมเพื่อช่วยสอนความรู้เรื่องการเงินสำหรับเด็ก ๆ เพราะข้อมูลจากงานวิจัยได้แสดงให้เห็นว่าเด็กอายุ 8 ปีขึ้นไป จะเริ่มมีทักษะในการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ได้มากขึ้น
สำหรับก้าวสำคัญของบอร์ดเกม Wealthy Cats นั้น คุณเบิร์ดได้เล่าว่า การจับมือกับแบงก์ชาติภายใต้โครงการสอนหนูรู้เรื่องเงินครั้งนี้ ถือเป็นช่องทางสำคัญที่ทำให้สามารถสร้างความรู้ทางการเงินให้กับเยาวชนในวงกว้างได้ ซึ่งความสำเร็จนี้ยังทำให้อยากที่จะพัฒนาบอร์ดเกมสำหรับคนกลุ่มอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย เช่น นิสิตนักศึกษา first jobbers และผู้สูงอายุ
เล่นเกมอย่างเดียว แล้วจะได้ความรู้ได้อย่างไร?
บอร์ดเกมนี้ทำงานผ่านการจำลองสถานการณ์ชีวิตจริงที่นำเหตุการณ์ทางการเงินที่พบเจอบ่อยในชีวิต มาเรียงตามวงจรการเงิน 5 ด้าน ได้แก่ การสร้างรายได้ การใช้จ่าย การออม การลงทุน และการจัดการหนี้ ทั้งยังสอดแทรกเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ทุกคนอาจเจอได้ในอนาคต เช่น ค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน อุบัติเหตุ หรือสถานการณ์ที่ทำให้ต้องตัดสินใจอย่างเร่งด่วน
เด็ก ๆ ที่เข้าร่วมกิจกรรมจะต้องสวมบทบาทเป็นผู้เล่นในโลกจำลอง และตัดสินใจเรื่องเงินภายใต้ข้อจำกัดที่กำหนดไว้ การลองผิดลองถูกในเกมนี้ช่วยให้ได้สัมผัสประสบการณ์ที่ใกล้เคียงชีวิตจริง และได้เห็นผลลัพธ์ของการตัดสินใจแบบทันทีระหว่างเล่นเกม เด็กทุกคนจะได้ฝึกทักษะสำคัญหลายด้าน เช่น
การจัดสรรทรัพยากร เลือกว่าจะใช้เงินสดที่มีอยู่จำกัดไปกับอะไรดี เช่น ซื้อของจำเป็น เก็บออม ลงทุน หรือจ่ายหนี้
การวิเคราะห์ความเสี่ยง ผู้เล่นต้องประเมินความเสี่ยงของแต่ละทางเลือก เช่น ความเสี่ยงจากการลงทุน และกล้าที่จะตัดสินใจ
การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น เจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ เด็ก ๆ ต้องคิดหาทางออกเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหนี้สินหรือภาวะล้มละลาย
การเรียนรู้แบบโต้ตอบ (Interactive Learning) เพราะต้องเล่นร่วมกับเพื่อน ๆ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เรียนรู้จากทั้งความสำเร็จและความผิดพลาด และฝึกปรับกลยุทธ์เพื่อใช้ในรอบถัดไป
ขณะที่กำลังเล่นเกมก็จะมี game master หรือผู้ให้คำแนะนำประจำกลุ่ม คอยให้คำปรึกษาและเติมความรู้ทางการเงินตลอดทั้งเกม โดยเป็นอาสาสมัครที่มีทั้งคุณครูจากโรงเรียนต่าง ๆ ผู้บริหารบริษัทเอกชน นักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ และทีมงานจาก H Academy ทำให้เด็ก ๆ ได้รับความรู้ควบคู่ไปกับความสนุก และสามารถซึมซับเรื่องการเงินที่ซับซ้อนได้โดยไม่รู้ตัวตลอดกิจกรรม
จะเห็นได้ว่าการเล่นเกมก็สามารถสร้างประโยชน์ต่อเด็ก ๆ ได้จริง ห้องเรียนการเงินนี้จึงเปรียบเสมือน “พื้นที่ทดลองจำลองโลกการเงิน” ให้ได้เรียนรู้ ทำความเข้าใจ และเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ทางการเงินในชีวิตจริง
กิจกรรมนี้จัดขึ้นสำหรับเด็กระดับประถมปลายอายุ 10-12 ปี เพราะเป็นช่วงวัยที่เริ่มเกี่ยวข้องและคุ้นเคยกับการใช้เงินแล้ว โดยตามกรอบสมรรถนะทางการเงินเพื่อการศึกษาและการเรียนรู้ (Financial Competency Framework for Education and Learning) ที่แบงก์ชาติได้จัดทำร่วมกับหน่วยงานภาครัฐด้านการเงิน ได้ระบุไว้ว่า เด็กช่วงวัยนี้จะต้องมีทักษะทางการเงินดังต่อไปนี้
(1) รู้ว่าเงินสามารถซื้อสินค้าและบริการ
(2) รู้จักและเข้าใจประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ทางการเงินใกล้ตัวที่ช่วยป้องกันความเสี่ยง เช่น ประกันอุบัติเหตุของโรงเรียน
(3) สามารถแยกแยะระหว่างการใช้จ่ายเงินตามความจำเป็นและตามความต้องการของตนเองได้อย่างมีเหตุผล
(4) มีวิธีสร้างนิสัยทางการเงินที่ดีอย่างเหมาะสมกับตัวเอง เช่น การยับยั้งชั่งใจในการซื้อของที่ไม่จำเป็น
(5) เริ่มมีทักษะในการเปรียบเทียบราคาและคำนวณส่วนลด
(6) ฝึกฝนการออมเพื่ออนาคตและตั้งเป้าหมายการเงินที่บรรลุได้
(7) มีความเข้าใจถึงเหตุผลของการกู้เงิน และตระหนักถึงความรับผิดชอบในการกู้เงิน ซึ่งเป็นพื้นฐานเรื่องหนี้ และ
(8) เข้าใจบทบาทหน้าที่ของธนาคารในการเป็นตัวกลางสำหรับทำธุรกรรมทางการเงิน
ดังนั้น กิจกรรมนี้จึงเหมาะสมกับเด็กช่วยวัยนี้มากที่สุดนั่นเอง
ปัจจุบันกลุ่มเป้าหมายหลักของกิจกรรมนี้เป็นนักเรียนระดับประถมศึกษาตอนปลายทั่วกรุงเทพฯ โดยเน้นนำร่องกับโรงเรียนภาครัฐ ซึ่งกิจกรรมนี้มีการจัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2568 และมีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมแล้วกว่า 1,000 คน จาก 15 โรงเรียน และได้รับเสียงตอบรับจากนักเรียนมากมาย
“วันนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยทำให้ผมรู้จักเงินมากขึ้น ทำให้ผมรู้รายรับรายจ่าย เงินฉุกเฉิน ทำให้ผมจ่ายเงินเป็น ขายของเป็น การหากำไร ไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือย ต้องประหยัดครับ”
ด.ช. ณัฐวัฒน์ ศรีนิ่ม อายุ 10 ปี
โรงเรียนเพชราวุธวิทยา
“การเล่นบอร์ดเกมนี้ทำให้เราสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ 1.รู้จักการบริหารเงิน 2.รู้จักประหยัดอดออม 3.รู้จักการลงทุน 4.การแบ่งเงินนำไปใช้ให้มีประโยชน์ 5.ทำให้รู้ว่าเงินมีค่าขนาดไหน 6.รู้ว่าการลงทุนสำคัญแค่ไหน 7.สำคัญที่สุดคือการใช้เงินให้เป็น และ 8.รู้จักลดค่าใช้จ่ายและหารายได้”
ด.ช. กฤตานน ศรีสงคราม อายุ 11 ปี
โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์ เพชราวุธวิทยาในพระอุปถัมภ์ฯ
“หนูได้เรียนรู้การลงทุนในหลาย ๆ เรื่อง เกมนี้ไม่ใช่เกมที่เป็นแมวแล้วให้เรารู้จักอดออมอย่างเดียวนะคะ เกมนี้สอนถึงการใช้เงิน การลงทุน และการประหยัด เพื่อที่จะใช้ในภายภาคหน้าได้ค่ะ”
ด.ญ. สุพัตรา โล่ห์คำ อายุ 11 ปี
โรงเรียนเพชราวุธวิทยา
“ต้องรู้จักเก็บออมทำรายรับรายจ่ายให้เป็น ห้ามฟุ่มเฟือย รู้จักหนี้สิน ห้ามยืมจนมีหนี้ก้อนโต ห้ามใช้จ่ายอะไรที่ไม่จำเป็นเช่นเติมเกม ไปเที่ยวบ่อย ๆ หากรู้จักใช้ตังค์และไม่ฟุ่มเฟือยจะทำให้บ้านมีความมั่งคั่งและมีเงินใช้ยามจำเป็นเมื่อเจอวิกฤตที่ต้องใช้เงินในการทำอะไรต่าง ๆ”
ด.ช.ธนากร ตงเหรียญ อายุ 10 ปี
โรงเรียนเพชราวุธวิทยา
“รู้สึกดีมากเพราะหารายได้ด้วยตัวเอง เช่น ผลิตคุกกี้ขาย ประหยัดอดออม ตั้งใจเรียนหนังสือ เพื่อจบไปหางานดี ๆ ทำ ตั้งใจเก็บเงิน เอาเงินที่ไปโรงเรียนออม ขอบคุณพี่ทุกคนที่ให้ความรู้ และหนูจะนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน”
ด.ญ. อริยา นาคสัมปุรณะ อายุ 11 ปี
โรงเรียนวัดตรีทศเทพ
“เราได้เรียนรู้จากแบงก์ชาติ และมีความสุขมาก ๆ หนูจึงอยากมาอีก และได้รู้จักออมเงิน ในอนาคตจะได้มีเงินเยอะขึ้น พอได้มาที่นี่หนูรู้สึกดีใจมาก”
ด.ญ. ปฐมธิดา กลั่นฟัก อายุ 9 ปี
โรงเรียนวัดใหม่อมตรส
“รู้จักออมเงินและขายคุกกี้ รู้จักวางแผนระยะยาวนาน ๆ ถ้าเราช่วยออมเงินเยอะ ๆ ขายคุกกี้เยอะ ๆ ผ่านไป 1 ปี ของที่เราอยากได้ เราก็ซื้อได้ ก็ไม่ต้องขอเงินจากพ่อแม่และไม่ติดหนี้ของคนอื่น”
ด.ญ. ไข่มุก อายุ 14 ปี
โรงเรียนสตรีวรนาถ
“เราต้องควรทำการประหยัดค่าน้ำค่าไฟ ตั้งใจเรียน และทำงานช่วยพ่อแม่ในช่วงวันหยุด แล้วลงหุ้นที่ได้กำไร แต่ต้องศึกษาเกี่ยวกับหุ้นเทรด แต่ห้ามโลภมากเกินไป ไม่งั้นอาจขาดทุนได้ครับ”
ด.ช. ภูชิต แดงแนวโต อายุ 11 ปี
โรงเรียนวัดใหม่อมตรส
“รู้จักลงทุน ประหยัดเงิน ออมเงิน ไม่ซื้อของฟุ่มเฟือย ซื้อของจำเป็น รู้จักสร้างรายได้ เผื่อเป็นค่ารักษา ค่าเทอม ซื้อของขวัญให้ตัวเองบ้าง เก็บเงินไว้ใช้ในยามจำเป็น ขยันเก็บเงิน ขอบคุณพี่ ๆ ที่มาทำกิจกรรมสนุก ๆ รู้สึกขอบคุณจากใจจริง สนุกมาก ๆ”
ด.ญ. พรรษา กาญจนธีรกุล อายุ 12 ปี
โรงเรียนวัดตรีทศเทพ
นอกจากนี้ คุณเบิร์ดผู้ออกแบบบอร์ดเกม Wealthy Cats ซึ่งได้มีส่วนร่วมกับโครงการสอนหนูรู้เรื่องเงินอย่างใกล้ชิด ยังกล่าวด้วยความภูมิใจว่า
“ดีใจที่เด็ก ๆ นำประสบการณ์ที่เรียนรู้จากเกมไปใช้กับครอบครัว เพราะเสียงสะท้อนจากเด็ก ๆ หลายคนทำให้รับรู้ได้ว่า แม้จะรู้ตัวว่ายังเป็นเด็กและยังไม่มีรายได้ แต่ก็เริ่มตระหนักว่าตัวเองสามารถช่วยพ่อแม่ในการประหยัดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และเก็บออมเงินได้”
กิจกรรม “สอนหนูรู้เรื่องเงิน” ของแบงก์ชาติ ไม่เพียงช่วยสร้างความรู้เรื่องเงิน แต่ยังเสริมทักษะทางการเงินตั้งแต่เด็กเปรียบเสมือนเป็น “วัคซีนการเงิน” ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน หากเริ่มสร้างตั้งแต่เด็กกิจกรรมนี้จะช่วยป้องกันคนไทยให้มีสุขภาพทางการเงินที่แข็งแรง และท้ายที่สุดก็จะทำให้เกิดความมั่นคงด้านการเงินอย่างยั่งยืนได้
แบงก์ชาติเปิดรับโรงเรียนทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อร่วมติดอาวุธให้เด็กไทยพร้อมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรู้ทางการเงิน สำหรับโรงเรียนที่สนใจสามารถติดต่อเพื่อนำนักเรียนระดับประถมปลายเข้าร่วมกิจกรรม “สอนหนูรู้เรื่องเงิน” กับแบงก์ชาติได้ โดยแจ้งความต้องการได้ที่ Facebook “ศูนย์การเรียนรู้แบงก์ชาติ-BOTLC”
นอกจากนี้ ที่ศูนย์การเรียนรู้แบงก์ชาติยังมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เป็นประจำทุกเดือน โดยสามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมได้ทาง Facebook “ศูนย์การเรียนรู้แบงก์ชาติ-BOTLC” และเว็บไซต์ “ศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย-BOTLC” (www.botlc.or.th)