แบงก์ชาติกับการกำกับดูแลสินเชื่อรถยนต์และรถจักรยานยนต์อย่างเต็มรูปแบบ

แบงก์ชาติกับการกำกับดูแลสินเชื่อรถยนต์และรถจักรยานยนต์อย่างเต็มรูปแบบ

ในกรณีที่คุณอยากได้รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์สักคันไว้ใช้แต่ยังไม่พร้อมจ่ายเงินก้อน การขอสินเชื่อเพื่อเป็นเจ้าของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ (สินเชื่อรถฯ) เป็นวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมโดยทั่วไป และมีหลายประเภทที่เหมาะสมกับคนแต่ละกลุ่ม  

 

บทความนี้จะพาไปรู้จักสินเชื่อรถฯ แต่ละประเภท รวมถึงบทบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะผู้กำกับดูแลผู้ให้บริการสินเชื่อรถฯ ประเภทต่าง ๆ และเราจะได้อะไรจากการที่ ธปท. เข้ามากำกับดูแลเรื่องนี้โดยตรง 

สินเชื่อแบบไหนเหมาะกับใคร

สินเชื่อรถฯ โดยทั่วไปมี 2 แบบ คือ (1) การเช่าซื้อ (Hire Purchase) ซึ่งเป็นการผ่อนชำระเป็นงวด ในระหว่างผ่อนชำระ ผู้ให้เช่าซื้อหรือไฟแนนซ์จะเป็นเจ้าของและมีกรรมสิทธิ์ในรถคันนั้น ส่วนผู้เช่าซื้อหรือลูกหนี้จะเป็นผู้ครอบครองรถ เมื่อผ่อนจนครบแล้ว กรรมสิทธิ์ของรถจะเป็นของผู้เช่าซื้อทันที ดังนั้น สินเชื่อเช่าซื้อจึงเหมาะกับคนที่ต้องการเป็นเจ้าของรถเมื่อผ่อนหมด และ (2) การเช่าแบบลีสซิ่งหรือสัญญาเช่าการเงิน (Financial Lease) มีลักษณะคล้ายกับการเช่าซื้อ คือ ต้องมีการผ่อนจ่ายเป็นงวดเช่นเดียวกัน แต่ความแตกต่างจะอยู่ตรงที่เมื่อผ่อนจนครบตามที่กำหนดในสัญญาแล้ว ผู้เช่าแบบลีสซิ่งสามารถเลือกได้ว่าจะซื้อขาดโดยจ่ายเงินส่วนที่เหลือตามในสัญญา หรือเช่าต่อ หรือคืนรถก็ได้ 

 

ในทางปฏิบัติแล้ว การเช่าซื้อจะเหมาะกับคนทั่วไปหรือผู้ประกอบการที่ต้องการเป็นเจ้าของรถในตอนท้าย และหากผู้เช่าซื้อเป็นนิติบุคคลจะสามารถนำมูลค่ารถที่อยู่ในระหว่างผ่อนชำระมาคำนวณค่าเสื่อมราคาต่อปีเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้1 เหมาะกับกิจการขนาดเล็กที่เสียภาษีไม่มากนัก  

 

ส่วนการเช่าแบบลีสซิ่งจะเหมาะกับผู้ที่ไม่เน้นที่จะเป็นเจ้าของรถในตอนท้าย แค่อยากมีรถไว้ใช้งานเป็นหลัก ในระหว่างผ่อนชำระ สามารถนำค่างวดซึ่งจัดเป็นค่าเช่ามาหักเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้2 เมื่อสิ้นสุดสัญญา หากผู้เช่าเลือกที่จะซื้อรถ จะสามารถนำจำนวนเงินที่จ่ายซื้อรถมาคิดค่าเสื่อมราคาต่อปีเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้อีก จึงเหมาะกับกิจการที่มีกำไรสูงและต้องการลดภาระภาษี 

เปรียบเทียบสินเชื่อเช่าซื้อและลีสซิ่ง

ธปท. กับการกำกับดูแลสินเชื่อรถฯ อย่างครบวงจร

ธุรกิจเช่าซื้อและลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นแหล่งเงินทุนสำคัญของประชาชน ปัจจุบันธุรกิจดังกล่าวมีขนาดใหญ่ มีปริมาณธุรกรรมจำนวนมาก ครอบคลุมประชาชนในวงกว้าง มีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม ณ มิถุนายน 2568 สินเชื่อเช่าซื้อและลีสซิ่งมียอดธุรกรรมคงค้างอยู่ที่ 1.6 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 10% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด3 โดย 1 ใน 3 ของธุรกรรมเช่าซื้อและลีสซิ่งมาจากการให้บริการของ non-bank ที่ยังไม่มีหน่วยงานกำกับดูแล  

 

นอกจากนี้ ที่ผ่านมายังไม่มีกฎหมายควบคุมการประกอบธุรกิจดังกล่าวเป็นการเฉพาะ การดำเนินธุรกิจจึงต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น เฉพาะธุรกรรมการให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เพื่อใช้เป็นการส่วนตัวจะต้องปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา ที่ออกมาภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ประกอบกับการที่ผู้ให้บริการมีขนาดแตกต่างกัน ทั้งกิจการขนาดใหญ่จนถึงขนาดเล็ก และมีจำนวนมากกระจายทั่วประเทศ ทำให้การให้บริการไม่มีมาตรฐาน ส่งผลให้มีเรื่องร้องเรียนค่อนข้างมาก เช่น การให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ไม่สอดคล้องกับรายได้ การเก็บค่าธรรมเนียมสูงเกินไป หรือปัญหายอดหนี้กรณีผิดนัดชำระ ทำให้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เล็งเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีหน่วยงานกำกับดูแลสินเชื่อรถฯ เหล่านี้โดยตรง 

ทำไม ธปท. จึงเข้ามากำกับดูแลสินเชื่อเช่าซื้อและลีสซิ่ง

ด้วยเหตุผลข้างต้น กระทรวงการคลังจึงได้ออก “พระราชกฤษฎีกากำหนดให้การประกอบธุรกิจการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์อยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 พ.ศ. 2568” (พ.ร.ฎ. เช่าซื้อลีสซิ่งฯ) โดยให้อำนาจ ธปท. เป็นหน่วยงานกำกับดูแลนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจดังกล่าวและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2568 เพื่อยกมาตรฐานการให้บริการ และส่งเสริมให้ประชาชนได้รับบริการทางการเงินที่เป็นธรรม ได้รับข้อมูลที่โปร่งใส เพียงพอต่อการตัดสินใจ และให้อำนาจ ธปท. ในการออกหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจทุกราย ทั้งธนาคารพาณิชย์ บริษัทลูกในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน และผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ต้องถือปฏิบัติ 

ตัวอย่างรถประเภทต่าง ๆ ภายใต้กฎหมายเช่าซื้อลีสซิ่งฯ

หลักเกณฑ์การกำกับดูแลดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการทางการเงินอย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม ส่งผลให้ประชาชนได้รับบริการที่มีมาตรฐานและข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ครบถ้วน ภายใต้ราคาและเงื่อนไขที่เหมาะสม ตลอดจนได้รับการดูแลช่วยเหลือเมื่อมีปัญหาในการชำระหนี้ โดยมีหลักเกณฑ์ที่สำคัญ 7 ด้าน ประกอบด้วย

(1) การปฏิบัติและการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับดอกเบี้ย ค่าบริการ และเบี้ยปรับให้แก่ลูกค้าอย่างชัดเจน

(2) ระบุประเภทของค่าบริการที่เรียกเก็บได้

(3) กำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ย

(4) แจ้งหลักเกณฑ์เกี่ยวกับดอกเบี้ยผิดนัดและลำดับการตัดชำระหนี้

(5) ระบุเงื่อนไขการปิดบัญชีหรือการเลิกสัญญาก่อนกำหนดให้ครบถ้วน

(6) ให้บริการทางการเงินอย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม และ

(7) ความรับผิดชอบจากการใช้บริการผู้ให้บริการภายนอก โดยหลักเกณฑ์เหล่านี้จะทยอยเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2568 ถึง 1 มิถุนายน 2569  

 

นอกจากนี้ สำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงินและประกอบธุรกิจก่อนวันที่่ 3 ธันวาคม 2568 ที่มีกว่า 3,000 ราย มีหน้าที่ต้องรายงานข้อมูลเพื่อแสดงตัวตนต่อ ธปท. ผ่านระบบออนไลน์ ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2569 ส่วนผู้ที่เริ่มประกอบธุรกิจตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2568 ให้รายงานข้อมูลภายใน 120 วันนับจากวันที่จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ 

หลักเกณฑ์การกำกับดูแลธุรกิจเช่าซื้อและลีสซิ่งมีอะไรบ้าง?

เราจะได้อะไรจากการกำกับดูแลธุรกิจเช่าซื้อและลีสซิ่งของ ธปท.

ภายใต้กรอบการกำกับดูแลใหม่ผ่าน พ.ร.ฎ. เช่าซื้อลีสซิ่งฯ จะส่งผลให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแต่ละกลุ่มได้รับประโยชน์ ดังนี้ 

 

ประชาชน จะได้รับบริการที่ตรงตามความต้องการและความสามารถในการชำระหนี้ เข้าถึงบริการด้วยราคาและเงื่อนไขที่เป็นธรรม มีข้อมูลถูกต้อง ครบถ้วน เปรียบเทียบได้ ทำให้สามารถเลือกใช้บริการจากผู้ประกอบธุรกิจแต่ละรายได้ดีขึ้น รวมถึงได้รับความช่วยเหลือเมื่อมีปัญหาในการชำระหนี้ และมีช่องทางร้องเรียนปัญหาการใช้บริการ  

 

ผู้ประกอบธุรกิจ จากการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขต่าง ๆ จะช่วยยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรมและการให้บริการ ส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันที่เท่าเทียมกันภายใต้การกำกับดูแลแบบเดียวกัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้การประกอบธุรกิจเป็นไปอย่างยั่งยืน  

 

ระบบเศรษฐกิจการเงิน จากการมีกฎระเบียบที่ชัดเจนและครอบคลุมจะช่วยให้หน่วยงานกำกับดูแลสามารถดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินได้ดีขึ้น ตลอดจนส่งผลให้การดำเนินนโยบายต่าง ๆ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน มีประสิทธิภาพมากขึ้น 

 

กฎเกณฑ์และกติกาใหม่สำหรับผู้ประกอบธุรกิจเช่าซื้อและลีสซิ่งนี้จะช่วยยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม สร้างความเป็นธรรมและโปร่งใส เสริมสร้างเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจการเงินไทยในภาพรวม และเป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์สำคัญในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนต่อไป  

 

ทั้งนี้ หากผู้ขอสินเชื่อพบปัญหาในการใช้บริการสินเชื่อเช่าซื้อ ลีสซิ่ง และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สามารถร้องเรียนมาที่ ธปท. โทร. 1213 ได้โดยตรง 

หมายเหตุ

ค่าใช้จ่ายในการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลต้องอิงตามข้อกำหนดของกรมสรรพากร ซึ่งแตกต่างกันตามประเภทธุรกรรมและประเภทรถยนต์ เช่น สำหรับรถยนต์โดยสารไม่เกิน 10 ที่นั่ง กรณีเช่าซื้อ จะคิดค่าเสื่อมราคาได้สูงสุดไม่เกิน 20% ของมูลค่ารถ แต่ไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี  

 

2 กรณีการเช่าแบบลีสซิ่ง จะนำค่าเช่ามาเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ไม่เกินเดือนละ 36,000 บาทต่อคัน หรือ 432,000 บาทต่อปี 

 

3 สถิติหนี้ครัวเรือนจำแนกตามวัตถุประสงค์ (https://app.bot.or.th/BTWS_STAT/statistics/BOTWEBSTAT.aspx?reportID=984&language=TH

Tag ที่เกี่ยวข้อง

BOT Magazine Knowledge Corner The Knowledge ธุรกิจเช่าซื้อลีสซิ่ง