โครงการ Young KOL ISAN: พลังคนรุ่นใหม่พลิกเกมธุรกิจอีสาน
เศรษฐกิจอีสานในวันนี้กำลังเผชิญโจทย์สำคัญที่ซ่อนอยู่ในโครงสร้างของตัวเอง แม้ตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมจะเติบโตขึ้นบ้าง แต่รายได้ของครัวเรือนกลับไม่ขยับตาม นี่คือคำถามที่สะท้อนผ่านตัวเลขเศรษฐกิจ เมื่อภาคเกษตรที่มีแรงงานมากกว่าครึ่งของภูมิภาคกลับสร้างมูลค่าเศรษฐกิจได้เพียง 1 ใน 5[1] เท่านั้น และถูกซ้ำเติมด้วยความเปลี่ยนแปลงในหลายด้านที่ถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็ว ยิ่งตอกย้ำให้ “การปรับตัว” ไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นทางรอด ที่จำเป็นของผู้ประกอบการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตระหนักดีว่า การดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจและการเงินของประเทศในภาพรวมอาจตอบโจทย์ในเชิงพื้นที่ได้ไม่เพียงพอ จึงเป็นที่มาของโครงการ Young KOL ISAN รุ่นที่ 2 ปี 2568 พื้นที่ส่วนกลางให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่จากหลากหลายสาขาได้มาล้อมวงระดมสมอง พูดคุยแลกเปลี่ยนถึงปัญหาและความท้าทาย พร้อมร่วมกันหาวิธีรับมือในโลกที่ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายใต้โจทย์หลัก “การปรับตัวของผู้ประกอบการในระเบียบโลกใหม่” โครงการนี้จึงทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมโยงความร่วมมือ รับฟัง และส่งต่อเสียงของคนรุ่นใหม่ไปสู่การออกแบบนโยบายและมาตรการที่ตรงจุด
การระดมไอเดียเริ่มต้นด้วยคำถาม “ความท้าทายที่ผู้ประกอบการอีสานกำลังเผชิญคืออะไร?”
เสียงจากผู้เข้าร่วมจากหลากหลายสาขาสะท้อนไปในทิศทางเดียวกันว่า เรากำลังเผชิญความเปลี่ยนแปลงหลายมิติพร้อมกันและรุนแรงกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนจนยากต่อการคาดการณ์ สร้างความเสี่ยงต่อผลผลิตและต้นทุนทางการเกษตร
ขณะที่ digital disruption ยังเข้ามาพลิกผันวงการธุรกิจให้ต้องเร่งเปลี่ยนวิธีการทำงาน ธุรกิจที่ไม่พร้อมกำลังถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ภาคการค้าเองยังต้องเผชิญกับการแข่งขันอย่างดุเดือดจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และในขณะที่กำลังซื้อของผู้บริโภคยังอ่อนแอ ผู้ประกอบการโดยเฉพาะรายเล็ก จึงยิ่งถูกกดดันทั้งด้านราคาและมาตรฐานการให้บริการที่ต้องดีกว่าเดิม
นอกจากนี้ ความกังวลด้านความปลอดภัย (safety concern) ส่งผลให้นักท่องเที่ยวบางกลุ่มหันไปเลือกท่องเที่ยวประเทศอื่นที่ใกล้และปลอดภัยกว่าไทย ขณะเดียวกันนโยบายภาครัฐหลายด้าน เช่น ต้นทุนแรงงาน มาตรการภาษี และกฎระเบียบต่าง ๆ เป็นอุปสรรคต่อความคล่องตัวของธุรกิจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็ก แต่ยังโชคดีที่ผู้ประกอบการบางส่วนตระหนักรู้ และเร่งปรับตัวเพื่อรับมือกับ “ความท้าทายรอบด้านที่เกิดขึ้นพร้อมกัน” อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
แม้ผู้ประกอบการอีสานจะเผชิญความท้าทายรอบด้าน แต่สิ่งที่ต้องชื่นชมคือมุมมองของคนรุ่นใหม่ ที่เปลี่ยนจาก “การรอความช่วยเหลือ” มาเป็น “การสร้างความแข็งแรงจากภายใน” ในหลายอุตสาหกรรม ยกตัวอย่างเช่น ภาคเกษตรที่เร่งนำหลักเกษตรแม่นยำและเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ตั้งแต่การวางแผนซื้อวัตถุดิบไปจนถึงการผลิต พร้อมรวมกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยเพื่อเพิ่มอำนาจในการต่อรองและเข้าถึงตลาด รวมถึงแบ่งปันแนวคิดและองค์ความรู้ระหว่างกัน
ส่วนภาคการค้าที่เผชิญการแข่งขันที่รุนแรง โดยเฉพาะจากแพลตฟอร์มออนไลน์และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป มีการปรับตัวไปสู่การพัฒนาการขายรูปแบบใหม่ ๆ เช่น การตั้งทีมไลฟ์ขายสินค้าในหลากหลายแพลตฟอร์มออนไลน์ และจัดเก็บข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบ เพื่อเข้าใจตลาดและความต้องการอย่างทันท่วงที
สำหรับภาคบริการและท่องเที่ยว ผู้ประกอบการปรับตัวด้วยการพึ่งพาตนเองมากขึ้น หันมาลดต้นทุนอย่างมีระบบ ใช้ความคิดสร้างสรรค์สร้างจุดขายที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมอีสานในแต่ละพื้นที่ เช่น การพัฒนาแลนด์มาร์กและชูการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ (experience-based tourism) ที่ผสมผสานกับอัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่มาเป็นจุดขาย เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังเน้นย้ำถึง “การกระจายโอกาสลงพื้นที่” ของภาครัฐ โดยเฉพาะการกระจายงานอิเวนต์ขนาดใหญ่ที่สนับสนุนให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นรับงานได้จริง ไม่ใช่จำกัดอยู่เฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่หรือจากส่วนกลางเท่านั้น
และคำถามสุดท้าย คือ “สิ่งที่ภาคธุรกิจคาดหวัง” เสียงจากคนรุ่นใหม่สะท้อนให้เห็นชัดว่าไม่ได้ต้องการนโยบายแบบเหมาเข่ง แต่ต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐที่ตอบโจทย์ปัญหาจริงของพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการผลักดัน big data แบบเรียลไทม์ โดยเฉพาะภาคเกษตร เพื่อวางแผนการเพาะปลูกและจัดการพื้นที่ให้สอดคล้องกับตลาดอย่างแท้จริง ลดปัญหาผลผลิตล้นตลาดและราคาตกต่ำในแต่ละปี รวมถึงการขยับจากการสนับสนุนพืชการเมืองไปสู่โมเดล “ตลาดนำการผลิต” ที่ต้องรู้ก่อนว่ามีความต้องการของตลาดจริง แล้วจึงค่อยผลิต เพื่อลดต้นทุนให้เกษตรกร และเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเชื่อมโยงเกษตรกรเข้ากับตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะที่ภาคบริการและการค้า อยากเห็นระบบฐานข้อมูลที่ชัดเจนและเข้าถึงง่ายเพื่อใช้วิเคราะห์ทิศทางตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค และอยากให้ภาครัฐรวมฐานข้อมูลสิทธิประโยชน์ของหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ สสว.[1], BOI[2] และ NIA[3] ให้อยู่ในระบบเดียวกัน เพื่อให้เข้าถึงง่ายและไม่ซ้ำซ้อน และที่สำคัญที่สุดคือการเพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยลดภาระต้นทุนและทำให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสามารถพัฒนาธุรกิจในโลกใหม่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนมากขึ้น
จะเห็นว่า ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับ 3 สิ่งที่สำคัญ คือ (1) ข้อมูลและนวัตกรรม เพื่อการตัดสินใจแบบแม่นยำ (2) นโยบายการสนับสนุนจากภาครัฐที่ตรงจุดและเข้าใจพื้นที่ และ (3) ความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งเอกชน ภาครัฐ และชุมชน แม้ทุกวันนี้จะยังติดคอขวดด้านนโยบาย ข้อมูล และ ecosystem ที่ไม่เอื้ออำนวยเท่าที่ควร แต่บทสรุปจากวงสนทนาทำให้เห็นพลังของคนรุ่นใหม่ที่สะท้อนถึงความหวังและศักยภาพในการขับเคลื่อนอีสานสู่อนาคตที่ยั่งยืน
โครงการ Young KOL ISAN จึงไม่ใช่แค่การจัดงานแล้วจบไป การทำหน้าที่เป็น “กระบอกเสียง” ส่งต่อมุมมองของผู้นำความคิดที่มีคุณภาพและมองการณ์ไกลไปยังระดับนโยบาย นับเป็นก้าวสำคัญของการช่วยขับเคลื่อนท้องถิ่นและประเทศ ท่ามกลางโลกใหม่ที่ท้าทายกว่าเดิม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจและความมุ่งมั่นของ ธปท. ในการเสริมสร้างสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการเงินให้มีเสถียรภาพ เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป
[1] ที่มา : สำนักงานสถิติแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คำนวณโดย ธปท.
[2] สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)
[3] สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.)
[4] สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
เรื่อง : ธปท. สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ