สัมมนาวิชาการ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประจำปี 2559 

เรื่อง “โอกาสและความท้าทายของธุรกิจไทย ในบริบทเศรษฐกิจอินโดจีน”

02 ก.ย. 2559

ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ธปท. สภอ.) ได้จัดงานสัมมนาวิชาการ ประจำปี 2559 “โอกาสและความท้าทายของธุรกิจไทย ในบริบทเศรษฐกิจอินโดจีน” ในวันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2559 เวลา 12.30-16.30 น. ณ ห้อง Convention 2-3 โรงแรมอวานี ขอนแก่น โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จ.ขอนแก่น โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจภูมิภาค เพื่อเปิดมุมมองเกี่ยวกับแนวโน้มการค้า การลงทุน และการดำเนินธุรกิจในกลุ่มประเทศอินโดจีน ตลอดจนรับรู้ถึงบทบาทของภาครัฐ และสถาบันการเงิน ในการสนับสนุนและอำนวยความสะดวกด้านการค้าการลงทุน รวมถึงข้อแนะนำ ข้อควรระวังในการประกอบธุรกิจ และแนวทางสู่ความสำเร็จ เพื่อคว้าโอกาสและรับมือกับความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจากท่านผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ดร.วิรไท สันติประภพ ในปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “บทบาทธนาคารแห่งประเทศไทย ในสภาวะปกติใหม่ หรือ New Normal”

กำหนดการ

 กำหนดการ
13.10 น.

บทบาทธนาคารแห่งประเทศไทยในยุค New Normal” 

การกล่าวเปิดการสัมมนาและแสดงปาฐกถาพิเศษ โดย นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

14.15 น.

เสวนา “โอกาสและความท้าทายของธุรกิจไทย ในบริบทเศรษฐกิจอินโดจีน” 

- นายอดุย์ โชตินิสากรณ์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
- นายกฤษฎา มนเทียรวิเชียรฉาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มมิตรผล
- นายมงคล บัณฑรรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยคอร์ป อินเตอร์เนชั่นแนล (เวียดนาม) จำกัด และบริษัทรอแยลฟู้ดส์ เวียดนาม จำกัด
- นายจตุรงค์ บุนนาค ผู้จัดการธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขานครหลวงเวียงจันทน์
ดำเนินรายการโดย นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย

สรุปงานสัมมนาวิชาการ

การเสวนา ในหัวข้อ “โอกาสและความท้าทายของธรุกิจไทย ในบริบทเศรษฐกิจอินโดจีน” 

 

CLMV เป็นกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพ มีทั้งโอกาสและความท้าทาย สะท้อนจากเศรษฐกิจใน CLMV ที่ยังมีการเติบโตที่ดี ในขณะที่เศรษฐกิจของโลกยังคงซบเซา แม้ว่าสถานการณ์การค้าของโลกจะเปลี่ยนไปเร็วจนไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า บริษัทข้ามชาติที่มาลงทุนใน CLMV ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานตามสถานการณ์ ที่เปลี่ยนแปลง และต้องคำนึงถึงกฎ ระเบียบ ข้อบังคับที่มีการปรับเปลี่ยนบ่อย ปัจจุบันบทบาทการค้าโลกเปลี่ยน มาสู่กลุ่ม CLMV ทำให้โอกาสของไทยสูง เนื่องจากมีการพัฒนาด้าน R&D รวมถึงเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมต่อเนื่องโดยเฉพาะสินค้าเกษตร ในขณะที่ประเทศ CLMV มีปัจจัยได้เปรียบเชิงการแข่งขันด้านฐานการผลิต เช่น ค่าแรง และทรัพยากรธรรมชาติที่ยังสมบูรณ์ รูปแบบการทำธุรกิจข้ามชาติจะไม่เหมือนกันโดยปรับเปลี่ยนไปตามวัฒนธรรมและการเติบโตทางสังคมในแต่ละประเทศ แต่ช่องทางการสร้างโอกาสที่จะเข้าไปยังคงมีอยู่สำหรับนักลงทุนไทยไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่หรือขนาดเล็ก

โอกาสและความท้าทายของธรุกิจไทย ในบริบทเศรษฐกิจอินโดจีน

 

เนื่องจากไทยเป็นจุดศูนย์กลางและใกล้ชิดกับ CLMV มีความเข้าใจในรสนิยม และประเพณีมากกว่านักลงทุนในประเทศอื่น ๆ ประกอบกับตลาด CLMV นิยมและเชื่อมั่นในสินค้าไทย จึงเป็นความท้าทายของนักลงทุนไทยในการทำธุรกิจ อย่างไรก็ตาม วิธีการทำธุรกิจในแต่ละประเทศมีวิธีการปฏิบัติที่แตกต่างกัน นักลงทุนจะต้องบริหารความเสี่ยงทั้งด้านอัตราแลกเปลี่ยน และด้านการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงกฎหมายแรงงาน การคุ้มครองแรงงานท้องถิ่น ประเพณีท้องถิ่นของประเทศนั้นๆ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีความ เข้าใจอย่างลึกซึ้ง จึงจะได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ในการลงทุนใน CLMV

 

CLMV เป็นประเทศที่มีศักยภาพและโอกาส ดังนั้นนักธุรกิจไทยควรปรับทัศนคติและหันไปมอง CLMV ในอีกด้านหนึ่งซึ่งไม่ได้เป็นเพียงตลาดเท่านั้น แต่เป็นแหล่งลงทุนที่น่าสนใจอีกด้วย โดยมีภาครัฐร่วมสนับสนุนและอำนวยความสะดวกด้านการค้าการลงทุนแก่นักลงทุนไทย เพื่อให้มีความมั่นใจและใช้วิกฤตที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์การค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว นำมาวิเคราะห์และทำความเข้าใจเพื่อเปลี่ยนเป็นโอกาสในการยกขีดระดับความสามารถขององค์กรพร้อมที่จะก้าวออกไปใน CLMV ต่อไป  

.

ข้อมูลเพิ่มเติม

ส่วนเศรษฐกิจการเงิน 1-3 สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

0 4391 3532

Neo-econ-div@bot.or.th