นับถอยหลังสู่การเป็นเจ้าภาพ
2026 Annual Meetings of the International Monetary Fund and the World Bank Group
ที่ผ่านมาประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลกในหลากหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันกีฬา งานแสดงดนตรี ศิลปะ ภาพยนตร์ งานประชุมผู้นำ ฯลฯ และรู้หรือไม่ว่ากว่า 30 ปีที่แล้ว ประเทศไทยก็เคยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมการเงินระดับโลกด้วย
การประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF) และกลุ่มธนาคารโลก (World Bank Group: WBG) หรือ IMF-WBG Annual Meetings เป็นการประชุมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้ว่าธนาคารกลาง ผู้บริหารสถาบันการเงิน นักคิด และนักวิชาการด้านเศรษฐกิจการเงินจากทั่วทุกมุมโลก มาร่วมหารือประเด็นสำคัญ อาทิ การเติบโตทางเศรษฐกิจ เสถียรภาพทางการเงิน การลดความยากจน และเรื่องสำคัญอื่น ๆ ที่จะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
การจัดประชุมระดับโลกนี้เริ่มต้นเมื่อปี 2490 และจัดขึ้นเป็นประจำในเดือนตุลาคมของทุกปี ณ สำนักงานใหญ่ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา ต่อเนื่องกัน 2 ปี และทุกปีที่ 3 จะหมุนเวียนไปจัดที่ประเทศสมาชิก เพื่อเชื่อมโยงความหลากหลายของภูมิภาคและความร่วมมือจากทั่วโลก
จากจุดเริ่มต้นถึงปัจจุบันมีเพียง 3 ประเทศที่ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพถึง 2 ครั้ง ได้แก่ ตุรีเคีย (ปี 2498 และ 2552) ญี่ปุ่น (ปี 2507 และ 2555) และไทย ครั้งแรกเมื่อปี 2534 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จากความสำเร็จในครั้งนั้น ทำให้ในปี 2569 ประเทศไทยได้โคจรกลับมารับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมอีกครั้ง
การประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการกองทุนการเงินระหว่างประเทศและกลุ่มธนาคารโลกปี 2569 (งานประชุมฯ) ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ มีความสำคัญต่อภาพลักษณ์ของไทยในหลายมิติ โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมกว่า 15,000 คน ทั้งจากภาครัฐ เอกชน สื่อมวลชน และประชาชนจากสมาชิก 191 ประเทศทั่วโลก เป็นโอกาสที่ประเทศไทยจะได้แสดงความพร้อม ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน สถานที่จัดงาน การคมนาคมขนส่ง สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการต่าง ๆ นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่โดดเด่น มีศิลปวัฒนธรรมที่น่าสนใจ และที่สำคัญที่สุดคือ ความน่ารักของคนไทยที่สร้างความประทับใจให้ผู้มาเยือนได้ตลอดมา
การประชุมฯ ครั้งนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-18 ตุลาคม 2569 โดยหัวเรือใหญ่ คือ IMF และ WBG จะเป็นผู้กำหนดธีมหลักของการประชุมในแต่ละปี เพื่ออภิปรายประเด็นสำคัญทางเศรษฐกิจ การเงิน และความท้าทายระดับโลกที่ทั่วทุกประเทศต้องรับมือร่วมกัน
ส่วนประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพได้กำหนดหัวข้อสำคัญในการพูดคุยภายใต้ชื่อ “Thailand’s New Horizons: Empowering People, Building Resilience” มีเป้าหมายที่จะสะท้อนแนวคิดการพัฒนาที่ให้ “ประชาชน” เป็นศูนย์กลาง พร้อมเสริมสร้าง “ภูมิคุ้มกัน” ให้ระบบเศรษฐกิจและการเงินมีความพร้อมรับมือความเสี่ยงในอนาคต ธีมนี้มุ่งต่อยอดจุดแข็งของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นความก้าวหน้าด้านการชำระเงินดิจิทัล เศรษฐกิจสร้างสรรค์ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และศักยภาพของแรงงานไทย พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการยกระดับทักษะ ความรู้ และโอกาสทางเศรษฐกิจของประชาชนเพื่อให้รายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในระบบการเงิน แม้ช่วยเพิ่มความสะดวกและประสิทธิภาพ แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงรูปแบบใหม่ ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องเสริมสร้างให้ประชาชนมีภูมิคุ้มกันทางการเงินดิจิทัล การกำหนดธีมเจ้าภาพครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยจะสื่อสารวิสัยทัศน์การพัฒนาในอนาคตต่อเวทีโลก และใช้การประชุมฯ ครั้งนี้ เป็นพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เสริมสร้างความร่วมมือ และผลักดันประเด็นด้านการเสริมศักยภาพประชาชนและความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ เพื่อก้าวไปสู่ “New Horizons” อนาคตที่มั่นคง ยั่งยืน และครอบคลุมสำหรับทุกคน
“ประเทศไทยอยากเสริมสร้างบทบาทให้ประชาคมโลกได้เห็นว่า เราเป็นประเทศที่มีเสถียรภาพ อยากให้คนที่มา กลับไปแล้วเขาไม่ได้จดจำแค่ว่า ประเทศนี้มีวิวทิวทัศน์สวยหรือวัฒนธรรมที่ดีงาม แต่เรามีความเป็นมืออาชีพในการทำงาน และที่สำคัญเรายังเป็นพื้นที่ที่ทำให้หลายภาคส่วนได้มาร่วมระดมความคิด ช่วยจุดประกายดูแลภาคการเงินให้มีความปลอดภัยจากภัย ต่าง ๆ เมื่อระบบดิจิทัลเข้ามา เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” คุณชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าว
ด้านคุณวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง บอกต่อความมั่นใจว่า “นอกจากที่เราเชื่อมั่นว่าคนไทยจะเป็นเจ้าภาพที่อบอุ่น มีความเอื้อเฟื้ออยู่ตลอด อยากให้คนไทยได้ติดตามเรื่องนี้ เพราะเป็นโอกาสสำคัญที่เราได้เป็นศูนย์กลางของการประชุมโลกด้านการเงินอีกครั้งหลังจาก 35 ปีที่แล้วที่เราประสบความสำเร็จ และการประชุมครั้งนี้ก็จะประสบความสำเร็จอีกครั้งเช่นกัน”
การประชุมฯ ครั้งนี้ เป็นเสมือนพื้นที่ที่ประเทศไทยจะได้สื่อสารเจตจำนงในการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนให้ประชาคมโลกได้รับรู้ ทั้งยังได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และสร้างความทรงจำที่ประทับใจให้กับผู้มาเยือน เพื่อโอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
เรื่อง : กองบรรณาธิการ พระสยาม BOT Magazine